พฤติการณ์ก่อนโดนคุก 'นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ -เมีย' ปั้นโครงการเท็จเบิกเงินกลุ่มอาชีพสตรี
"....จากการสอบสวนพบว่า นางสุกัญญา ทองกุล นักบริหารงานคลัง 7 ได้เขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 460,000 บาท สั่งจ่ายเงินให้ นางเอมอร โดยไม่จ่ายในนามกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ และในระหว่างนั้นได้มีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ของกลุ่มพัฒนาสตรี รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง เป็นเงินรวม 457,000 บาท โดยได้มีการมอบอำนาจให้ลูกจ้างในหน่วยงานเทศบาลเมืองท่าบ่อไปถอนเงิน และพยานซึ่งเป็นลูกจ้างนั้นได้ให้การว่า เมื่อได้ไปถอนเงินมาแล้ว ได้มอบทั้งจำนวนให้แก่นางทีน่า โสตะวงศ์ และนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์..."
ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษจำคุก 3 ปี 4 เดือน นายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย โดยไม่รอลงอาญา ส่วนพวก 3 ราย คือ นายณรงค์ วีระศิริ นายธีระยุทธ เงาศรี และนางทีน่า โสตะวงศ์ (ภรรยา นายสุรศักดิ์) สั่งจำคุกคนละ 2 ปี 2 เดือน แต่ให้โอกาสรอการ ลงโทษจําคุกไว้คนละ 2 ปี
คือ บทสรุปคดีทุจริตเบิกจ่ายเงินโครงการขอรับเงินสนับสนุนกลุ่มอาชีพสตรีปี 2547 และปี 2550 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ลงมติชี้มูลความผิด นายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ อดีตนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย และพวก 3 ราย คือ นายณรงค์ วีระศิริ อดีตรองนายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ นายธีระยุทธ เงาศรี อดีตผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม นางทีน่า โสตะวงศ์ (ภรรยา นายสุรศักดิ์) และส่งเรื่องฟ้องร้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ตามที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำมาเสนอให้สาธารณชนรับทราบไปแล้ว (อ่านประกอบ : ศาลอุทธรณ์ ยืนโทษจำคุก 'อดีตนายกฯท่าบ่อ หนองคาย-พร้อมเมีย' คดีเบิกเงินกลุ่มอาชีพสตรี)
ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา ตรวจสอบข้อมูลพบว่า เกี่ยวกับคดีนี้ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ได้สรุปรายงานผลการตรวจสอบแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองคาย พิจารณาเป็นทางการ ในช่วงปลายปี 2559 เพื่อลงโทษทางวินัยพนักงานเจ้าหน้าที่เทศบาล หลังตรวจสอบงบการงวดปี 2550-2551 ของเทศบาลเมืองท่อบ่อ พบข้อสังเกตความผิดปกติและพฤติการณ์ความไม่โปร่งใสในการเบิกจ่ายเงินอุดหนุนกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่อบ่อ จำนวน 2 ครั้ง
แยกเป็น
หนึ่ง การเบิกจ่ายเงินครั้งที่ 1 จำนวน 460,000 บาท
มูลเหตุเกิดขึ้นวันที่ 28 ก.ย.2547 นางเอมอร พูนสวัสดิ์ รองประธานคณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ทำการแทนประธานคณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อขอรับการสนับสนุนเงินอุดหนุนส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรี โครงการผ้าบาติก และแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเทศบาลเมืองท่าบ่องบประมาณ 500,000 บาท
โดยมีนางทีน่า โสตะวงศ์ ประธานกลุ่มฯ เป็นผู้อนุมัติโครงการ ผ่านความเห็นชอบจาก นายธีระยุทธ เงาศรี รักษการผู้อำนวยการกองสวัสดิการและสังคม นายวิโรจน์ จั่นกรด ปลัดเทศบาลเมืองท่าบ่อ และนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ อนุมัติให้จ่ายเงินจำนวน 460,000 บาท
ขณะที่ สตง. สอบสวนพบว่า ที่มาของประธานและคณะกรรมการพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อและสมาชิก จำนวน 20 คน มิได้คัดเลือกจากประชาชนในชุมชนแต่อย่างใด มีการแต่งตั้งจากผู้มีชื่อเสียงในสังคม ซึ่งบางรายไม่ทราบว่า ตนเป็นสมาชิกฯ และไม่เคยร่วมประชุมในการทำกิจกรรมแต่อย่างใด
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์ พบว่า นางทีน่า โสตะวงศ์ ประธานกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ และเป็นภรรยานายกเทศมนตรีเมืองทำบ่อ มิได้เป็นบุคคลผู้มีสัญชาติไทย แต่เป็นสัญชาติอเมริกัน การเบิกจ่ายเงินไม่สอดคล้องตามที่เขียนโครงการส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรีโครงการผ้าบาติกและแปรรูปผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป้าหมาย คือ กลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลฯ และชุมชน จำนวน 19 ชุมชน จำนวน 500 คน รวมกลุ่มทำบาติกและแปรรูปผลิตภัณฑ์ แต่จากการสอบพยานที่เกี่ยวข้องไม่มีการยืนยันได้ว่ามีการอบรมการจัดทำผ้าบาติกแต่อย่างใด
จึงมีมูลว่าไม่มีการดำเนินโครงการจริง!
ขณะที่ขั้นตอนการเบิกจ่ายเงินนั้น จากการสอบสวนพบว่า นางสุกัญญา ทองกุล นักบริหารงานคลัง 7 ได้เขียนเช็คสั่งจ่ายเงิน จำนวน 460,000 บาท สั่งจ่ายเงินให้ นางเอมอร โดยไม่จ่ายในนามกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ และในระหว่างนั้นได้มีการถอนเงินจากบัญชีเงินฝากธนาคาร ของกลุ่มพัฒนาสตรี รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง เป็นเงินรวม 457,000 บาท โดยได้มีการมอบอำนาจให้ลูกจ้างในหน่วยงานเทศบาลเมืองท่าบ่อไปถอนเงิน และพยานซึ่งเป็นลูกจ้างนั้นได้ให้การว่า เมื่อได้ไปถอนเงินมาแล้ว ได้มอบทั้งจำนวนให้แก่นางทีน่า โสตะวงศ์ และนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์
พฤติการณ์จึงน่าเชื่อว่าเป็นการจัดทำโครงการอันเป็นเท็จ เพื่อต้องการเบียดบังเงินของเทศบาลเมืองท่าบ่อไปใช้ประโยชน์ส่วนตน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลเมืองท่าบ่อจำนวน 457,000 บาท ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนางทีน่า โสตะวงศ์ ประธานกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ และเป็นภรรยาของนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ ในขณะนั้น นางเอมอร พูลสวัสดิ์ รองประธานกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ นางนาถนภัส ฟานธนิตกุล คณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ทำหน้าที่ฝายการคลัง นายธีรยุทธ เงาศรี รักษาราชการผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม
โดยนายธีรยุทธ เงาศรี นั้น สตง.ชี้ว่า เป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวกับการจัดตั้งกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองทำบ่อ เป็นที่ปรึกษาในการดำเนินการของกลุ่มไม่ได้ตรวจสอบว่ากลุ่มดังกล่าว มีจำนวนสมาชิกกี่คนและกี่ชุมชน ทั้งยังทราบอยู่แล้ว นางทีน่า มิใช่คนซึ่งมีสัญชาติและเชื้อชาติไทย ขาดคุณสมบัติที่จะได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ แต่ยังผ่านความเห็นชอบโครงการฯ และเบิกเงินให้กับกลุ่มดังกล่าว
สตง.จึงได้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. ดำเนินการพิจารณา และ ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิดไปที่เทศบาลเมืองท่าบ่อ ให้ไล่ออก นายธีรยุทธ เงาศรี ออกจากราชการ และ ก.ท.จ.หนองคาย ได้ส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการพิจารณาการอุทธรณ์และร้องทุกข์พิจารณาแล้วก็ได้พิจารณาและได้มีมติไล่ออกนายธีรยุทธ เงาศรี ออกจากราชการแล้ว
สอง การเบิกจ่ายเงินครั้งที่ 2 จำนวน 185,000 บาท
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2550 โดยนางทีน่า โสตะวงศ์ อ้างว่าตนเป็นประธานคณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ ทั้งที่ ในห้วงเวลาดังกล่าวคณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองทำบ่อ ที่มีนางทีน่าเป็นประธาน ได้พ้นสภาพแล้ว ตั้งแต่วันที่ 11 กันยายน 2550 ได้ขอรับการสนับสนุนเงินอุดหนุนส่งเสริมอาชีพกลุ่มสตรีโครงการประดิษฐ์ผลิตภัณฑ์ชุมชน ประกอบด้วยผ้าบาติก สร้อยคอ หรือ เครื่องประดับดอกไม้ผ้าใยบัว จากเทศบาลเมืองท่าบ่อ จำนวน 185,000 บาท โดยผ่านความเห็นชอบจากนายธีระยุทธ เงาศรี รักษาการผู้อำนวยการกองสวัสติการและสังคมเทศบาลเมืองท่าบ่อ นายวิโรจน์ จั่นกรด ปลัดเทศบาลเมืองท่าบ่อ และนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ อนุมัติให้จ่ายเงินจำนวน 185,000 บาท โดยการจ่ายเงิน นางสาวณิชามล สุนทรชัย เขียนเช็คสั่งจ่ายเงินให้แก่นางทีน่า โสตะวงศ์ โดยไม่ได้สั่งจ่ายในนามกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ
สตง.ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว ไม่มีพยานหลักฐานใดที่บ่งชี้ว่าได้มีการทำกิจกรรมดังกล่าวที่ใด เมื่อได้และอย่างไร
จึงเชื่อว่ามีการรับเงินจากเทศบาลเมืองท่าบ่อ โดยมิได้ดำเนินโครงการจริง ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลเมืองท่าบ่อ เป็นเงิน 185,000 บาท ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองท่าบ่อ ซึ่งเป็นสามี นางทีน่า โสตะวงศ์ ประธานคณะกรรมการกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ
และชี้มูลความผิดกรณีนางสาวณิชามล สุนทรชัย เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 6 ว. ทำหน้าที่รับและเบิกจ่ายเงินตามคำสั่งเทศบาลเมืองท่าบ่อ เขียนเช็คสั่งจ่ายเงินอุดหนุนให้นางทีน่าฯ โดยไม่เขียนเช็คในนามกลุ่มพัฒนาสตรีเทศบาลเมืองท่าบ่อ และไม่ได้ขีดคร่อมเช็ค เนื่องจากทราบเป็นอย่างดีว่านางทีน่าฯ ไม่ได้เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารไว้และไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานสภาพบุคคลของนางทีน่าฯ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบ มท.ว่าด้วยการรับเงินฯ พ.ศ.2547 ข้อ 69
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของเทศบาลเมืองท่าบ่อ เห็นว่า มีความผิด จึงลงโทษภาคทัณฑ์ นางนงเยาว์ จักรกะเสน เจ้าพนักงานการเงินและบัญชี 5 ทำหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องครบถ้วนของเอกสารประกอบฎีกา โดยปกติต้องทราบเป็นอย่างดีว่าการรับเงินจากทางราชการ หากผู้รับเงินเป็นนิติบุคคลต้องตรวจสอบเอกสารแสดงสภาพนิติบุคคล หากเป็นบุคคลธรรมดาต้องตรวจสอบบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งในการจ่ายเงินให้นางทีน่าฯ นางนงเยาว์ฯ ไม่ได้ตรวจสอบเอกสารสภาพบุคคลของนางทีน่าฯ โดยอาศัยที่ทราบอยู่แล้วว่านางทีน่าฯ เป็นภรรยาของนายสุรศักดิ์ โสตะวงศ์ ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามระเบียบมท.ว่าด้วยการรับเงินฯ พ.ศ.2547 ข้อ 60 และคณะกรรมการสอบสวนวินัย มีความเห็นลงโทษตัดเงินเดือน 3% เป็นเวลา 2 เดือน นายฉัตรชัย ทับทิมทอง ตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองคลัง มีหน้าที่ควบคุม ดูแลเกี่ยวกับการบริหารงานคลังการเงินและบัญชี มีพฤติการณ์ไม่ตรวจสอบเอกสารยืนยันสภาพบุคคลของนางทีน่าฯ และตรวจสอบฎีกาเบิกจ่ายเงิน เพื่อให้ประโยชน์แก่นางทีน่าฯ ซึ่งมิใช่คนที่มีสัญชาติและเชื้อชาติไทย
คณะกรรมการสอบสวนทางวินัยของเทศบาลเมืองท่าบ่อ เห็นว่ามีความผิดจึงลงโทษภาคทัณฑ์ นายวิโรจน์ จั่นกรด ปัจจุบันได้ย้ายไปรับราชการที่องค์กร
ปกครองส่วนท้องถิ่นในจังหวัดอื่นแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ในอำนาจการพิจารณาของอนุกรรมการฯที่จะต้องพิจารณา และ นายธีระยุทธ เงาศรี รักษาการแทนผู้อำนวยการกองสวัสดิการสังคม ซึ่งเป็นผู้ผ่านความเห็นชอบโครงการขอรับเงินอุดหนุน คณะกรรมการสอบสวนวินัยร้ายแรง ได้ลงโทษไล่ออกนายธีรยุทธ
เงาศรี ออกจากราชการ และ ก.ท.จ.หนองคาย ก็มีมติไล่ออกจากราชการไปแล้ว
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/