กก.สิทธิ์ฯ ติง กฟผ.ให้ข้อมูลด้านเดียวโรงไฟฟ้าถ่านหิน- สผ.ชี้พื้นที่แรมซาร์ไซต์ไม่ควรสร้าง
กก.สิทธิ์ฯ ลงพื้นที่รับฟังความเห็นโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินตรัง ติง กฟผ.ให้ข้อมูลด้านเดียว สผ.ชี้หาก 3 พื้นที่เป้าหมายเป็นแรมซาร์ไซต์ไม่ควรตั้งโครงการ ชาวบ้านระบุนายหน้าวิ่งวุ่นซื้อที่ดิน
วันที่ 17 ก.ค.55 ที่วิทยาลัยพยาบาลบรมราชชนนีตรัง จ.ตรัง น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ ประธานอนุกรรมการด้านสิทธิชุมชนและฐานทรัพยากร ในกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) และคณะอนุกรรมการฯ จัดประชุมรับฟังการชี้แจงข้อเท็จจริงโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดตรัง
นายชวการ โชคดำลีลา วิศวกร 9 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หัวหน้าศูนย์พลังงานไฟฟ้าจังหวัดตรัง ชี้แจงว่าโครงการไฟฟ้าถ่านหินจังหวัดตรัง ของ กฟผ. ขนาด 800 เมกะวัตต์ ซึ่งใช้ถ่านหินซับบิทูมินัส ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาศักยภาพและความเป็นไปได้ของพื้นที่ และให้ข้อมูลรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้น หลังจากนี้จะเปิดให้ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) โดยใช้กระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชน มีระยะเวลาดำเนินการ 8 เดือน จากนั้นให้ประชาชนเสนอพื้นที่พร้อมกับร่วมศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ใช้ระยะเวลา 12 เดือน ทั้งนี้มีการดำเนินการเสนอพื้นที่เพื่อจัดซื้อที่ดินไปพร้อมๆกับศึกษา EHIA ใช้ระยะเวลา 6-12 เดือน จากนั้นเป็นขั้นตอนขออนุมัติโครงการ 1 ปี และก่อสร้าง 5 ปี โดยได้คัดเลือก 3 พื้นที่ ใน อ.กันตัง คือ ต.บางสัก ต.นาเกลือ ต.วังวน เนื่องจากติดทะเลในการขนถ่านถ่านหินจากอินโดนีเซีย
นายมนภัทร วังศานุวัตร ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตรัง ชี้แจงว่า จังหวัดมีพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศ ( แรมซาร์ไซต์) คือพื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง–ปากน้ำตรัง 515,745 ไร่ มีพะยูนฝูงใหญ่ 150 ตัว ปลาโลมา เต่า หญ้าทะเล และยังเป็นแหล่งทรัพยากรทางทะเลที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งยังมีแหล่งท่องเที่ยวดึงรายได้เข้าสู่จังหวัด
นางปิยนันท์ โศภนคณาภรณ์ ผู้อำนวยการสำนักวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ชี้แจงว่าหากพื้นที่มีศักยภาพสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทั้ง 3 แห่ง เป็นพื้นที่แรมซาร์ไซต์ คงจะเข้าไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ ก.ฟ.ผ.ต้องศึกษา EHIA ตามกฏหมาย โดยคำนึงถึงพื้นที่แรมซาร์ไซต์ อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง–ปากน้ำตรัง นายสมชาติ ศรีปรัชญากุล ผู้ช่วยผู้อำนวยการก่อสร้างโรงไฟฟ้า กฟผ. กล่าวว่าหากเป็นพื้นที่แรมซาร์ไซต์ กฟผ.จะไม่ดำเนินการสร้าง ตอนนี้ยังไม่ได้เลือกพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่ง จะจัดซื้อที่ดินสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินเมื่อรัฐบาลอนุมัติเท่านั้น
นายวุฒิชัย หวังบริสุทธิ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายรักษ์บ้านเกิดวังวน ต.กันตัง กล่าวว่าแม้ กฟผ.ยังไม่ดำเนินการซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน แต่มีนายหน้ากำลังวิ่งเต้นเจรจาขอซื้อต่อรอราคาที่ดินกันอย่างกว้างขวางในพื้นที่ อีกทั้งพื้นที่ทั้ง 3 แห่งอยู่ในพื้นที่แรมซาร์ไซต์
“กฟผ.เข้ามาเคลื่อนตั้งแต่ปลายปี 2553 จนเรามารู้เมื่อกลางปี 2554 โดยมุ่งเป้าหมายเข้าหาผู้นำ มีการล่ารายชื่อบอกว่าสร้างโรงไฟฟ้าแล้วจะได้ใช้ไฟฟรี ชาวบ้านก็นึกว่าเป็นแค่สถานีพักไฟ เพิ่งมาทราบเอาตอนหลังว่าจะสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน” นายวุฒิชัย กล่าว
น.ส.ศยามล ไกรยูรวงศ์ ผู้อำนวยการโครงการเสริมสร้างจิตสำนึกนิเวศน์วิทยา กล่าวว่าการกระทำของ กฟผ.ขัดกับหลักการธรรมาภิบาล ไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ไม่มีการนำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้าน พูดแต่ข้อดี ไม่พูดเรื่องผลกระทบ ขณะที่มองเอ็นจีโอว่าเอาแต่ค้าน ทั้งที่จริงเอ็นจีโอหาข้อมูลให้ชาวบ้านเรียนรู้ ไม่ใช่แค่โรงไฟฟ้าถ่านหินตรัง แต่ให้ข้อมูลกับชาวบ้านถึงแผนพัฒนาภาคใต้โดยรวมด้วย
น.พ.นิรันดร์ กล่าวว่า กฟผ.มีปัญหาในการให้ข้อมูลและเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน เพราะให้ข้อมูลแต่ผู้นำท้องถิ่น ไม่ให้ข้อมูลชาวบ้าน ทั้งที่ข้อมูลที่ถูกต้องต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย รวมถึงทางออกว่าเมื่อมีปัญหาแล้วจะแก้ไขอย่างไร
“การเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น ไม่ใช่นำคนที่เห็นด้วยร่วมเวที หรือให้คนเซ็นต์ชื่อแล้วอ้างว่าเห็นด้วย นายอำเภอ นายกฯอบต. ก็สามารถมีส่วนร่วมได้โดยจัดเวทีเป็นกลางเพื่อให้ความรู้ว่าดีหรือไม่ดีอย่างไร ถ้าขืนเดินหน้าทำ EHIA ทั้งที่ยังมีความขัดแย้งจะเป็นระเบิดลูกใหญ่ของชุมชน” น.พ.นิรันดร์ กล่าว.