เปิดข้อมูล 2 ด้าน "ยิงปะทะ-เผาบ้าน" ปฏิบัติการของฝ่ายใด?
ข่าวใหญ่จากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือน พ.ค.62 คนนอกพื้นที่อาจจำได้เฉพาะเหตุการณ์คนร้ายจุดระเบิด "มอเตอร์ไซค์บอมบ์" หน้าตลาดบ้านบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เมื่อวันจันทร์ที่ 27 พ.ค.
เหตุการณ์วันนั้นเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วประเทศ เพราะเป็นระเบิดที่รุนแรง เกิดขึ้นในชุมชน และสร้างความสูญเสียทั้งเด็กและผู้หญิง บาดเจ็บอีกกว่า 20 คน
แต่จริงๆ แล้วในวันเดียวกันนั้น มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอีกเหตุการณ์หนึ่ง แต่ไม่ค่อยเป็นข่าว นั่นก็คือเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานนำกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ อำเภอยะหา จังหวัดยะลา แล้วเกิดการยิงปะทะกับผู้ต้องสงสัยติดอาวุธ ทำให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงเสียชีวิต 1 ราย
ฟังดูเผินๆ ก็คล้ายๆ เหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมคนร้ายที่เกิดขึ้นบ่อยๆ ในพื้นที่ แต่ปรากฏว่าปัญหามาเกิด เพราะบ้านที่เกิดการยิงปะทะกันนั้นเกิดไฟไหม้ แล้วก็มีข่าวลือสะพัดในพื้นที่ว่าถูกทหารเผา ทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องตอบโต้ และอ้างว่าสาเหตุของเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
แต่คำชี้แจงของฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถหยุดข่าวลือในพื้นที่ได้ แถมยังมีการกล่าวอ้างจากฝ่ายตำรวจว่า เหตุระเบิดมอเตอร์ไซค์บอมบ์ที่ตลาดบ้านบ่อทอง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี เกิดจากแกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบต้องการแก้แค้นให้ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงที่เสียชีวิต และสาเหตุที่เลือกตลาดบ้านบ่อทอง เพราะภรรยาของคนที่ตายเป็นชาวอำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ มีคนในพื้นที่จำนวนไม่น้อยไม่เชื่อข้อมูลของเจ้าหน้าที่ และมีการสร้างกระแสในโซเชียลมีเดียอย่างหนักว่าเจ้าหน้าที่เผาบ้านชาวบ้าน ทำให้ ส.ส.ยะลา จากพรรคประชาชาติ ต้องเข้าพื้นที่เพื่อพิสูจน์ความจริง
ก่อนอื่นต้องมาย้อนเหตุการณ์กันก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และทำไมชาวบ้านจึงไม่ค่อยจะเชื่อคำชี้แจงของเจ้าหน้าที่
เหตุการณ์ปิดล้อมตรวจค้นและยิงปะทะ เกิดขึ้นในช่วงเที่ยงของวันจันทร์ที่ 27 พ.ค. มีการสนธิกำลังระหว่างทหารพรานกับตำรวจ พื้นที่เป้าหมายอยู่ที่บ้านเจาะตาแม หมู่ 4 ตำบลกาตอง อำเภอยะหา จังหวัดยะลา จากนั้นมีการยิงปะทะกัน ทำให้เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ฝ่ายที่ติดอาวุธเสียชีวิต 1 คน
จังหวะนั้นเอง บ้านของชาวบ้านที่เป็นจุดปะทะ เกิดมีเพลิงไหม้ขึ้นมา แล้วก็มีกระแสข่าวลืออกมาทันทีว่า "ถูกทหารเผา" พร้อมมีการแพร่กระจายข่าวว่า เผาเพื่อทำลายหลักฐาน เพราะมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คนจากปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่
ต่อมา พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ได้ส่งแถลงการณ์ถึงสื่อทุกสำนัก ยืนยันว่าขณะออกแถลงการณ์ ภารกิจยังไม่จบ ยังมีการยิงปะทะเป็นระยะๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง โดยใช้การเจรจาให้คนร้ายออกมามอบตัว ส่วนเหตุเพลิงไหม้นั้น คาดว่าอาจเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุได้ รายละเอียดคืบหน้าจะรายงานให้ทราบต่อไป
ช่วงที่ออกแถลงการณ์เป็นช่วงที่่เพิ่งเกิดเหตุปะทะได้ไม่นาน ทำให้มีการตั้งคำถามว่า ในเมื่อการปะทะยังไม่จบ เจ้าหน้าที่สรุปได้อย่างไรว่าเหตุเพลิงไหม้เกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร แต่หากมองในมุมของเจ้าหน้าที่ ก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นการสันนิษฐานไว้เบื้องต้นก่อน เพราะทหารไม่ได้เป็นต้นเหตุจริงๆ
ต่อมาเวลาประมาณบ่ายโมงครึ่ง ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ว่า มีการปะทะกันอย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่ได้รับบาดเจ็บเพิ่มอีก 2 นาย รวมเป็น 3 นาย และในพื้นที่ยังมีการปะทะอยู่
กระทั่งเวลา 16.30 น. เกิดระเบิดมอเตอร์ไซค์ที่ตลาดบ้านบ่อทอง อำเภอหนองจิก
ถัดมาอีก 2 ชั่วโมง มีข่าวลือหนักขึ้นว่า เหตุการณ์ปะทะทึ่อำเภอยะหา ทำให้กลุ่มคนร้ายเสียชีวิต 5 ราย มีร่องรอยการใช้เอ็ม 79
เวลาประมาณ 2-3 ทุ่ม จึงเริ่มมีข่าวจากทางฝั่งเจ้าหน้าที่ว่าคนร้ายที่ตายเป็นใคร ซึ่งก็คือ นายอับดุลเลาะ ลาเต๊ะ เป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับในคดีความมั่นคง 7 หมาย และยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตเพียงรายเดียว แต่ยังไม่มีการชี้แจงประเด็นข่าวลือต่างๆ
ต่อมาช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น คือวันอังคารที่ 28 พ.ค. รองโฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคง ภายในภาค 4 ส่วนหน้า ก็ออกมาแถลงย้ำข้อมูลเดิมว่ามีผู้เสียชีวิต 1 คน แต่ไม่มีคำอธิบายเรื่องไฟไหม้บ้านที่เกิดเหตุอย่างชัดเจน ขณะที่กระแสในพื้นที่ ชาวบ้านกลับเชื่อข่าวลือว่า เจ้าหน้าที่เผาบ้านชาวบ้าน และนำกำลังมาเยอะเกินไปถึง 500 นาย ทั้งๆ ที่คนร้ายมีคนเดียว กระแสบอกกันปากต่อปาก ทำให้มีคนในพื้นที่เดินทางไปเยี่ยมเยียนและให้กำลังใจเจ้าของบ้าน บ้างก็บริจาคเงินชว่ยเหลือ ยอดบริจาคอยู่ที่ 3 หมื่นกว่าบาท
บรรยากาศในพื้นที่ค่อนข้างตึงเครียด เพราะมีการส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดกั้นที่เกิดเหตุ อ้างว่าป้องกันการเข้าทำลายหลักฐาน ขณะที่ยังมีชาวบ้านจากอำเภอใกล้เคียงเดินทางไปเยี่ยมเจ้าของบ้านจำนวนมาก โดยบ้านหลังนี้เป็นของเครือญาติผู้ตาย ประกอบอาชีพขายน้ำมันและรับซื้อน้ำยาง
วันศุกร์ที่ 31 พ.ค. นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา เขต 2 พรรคประชาชาติ ได้ลงพื้นที่ไปเยี่ยมบ้านที่เกิดเหตุ และพบปะพูดคุยกับชาวบ้านแถบนั้น ก่อนจะโพสต์เฟซบุ๊คว่าทำนองว่า "เป็นปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่เกินกว่าเหตุ" ฉะนั้นจึงเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่ต้องทำความจริงให้ปรากฏ ใครทำผิดกฎหมายก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมาย แต่หากเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุก็ต้องมีผู้รับผิดชอบ
หลังจากนายซูการ์โนออกจากพื้นที่และโพสต์ข้อความที่ว่านี้ในเฟซบุ๊ค ปรากฏว่าก็มีกระแสโจมตีจากคนที่ไม่เห็นด้วยทันที กล่าวหาว่า นายซูการ์โนเข้าข้างคนร้าย
ขณะที่อีกด้านหนึ่ง พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ชี้แจงกับ "ทีมข่าวอิศรา" ว่า ขณะนี้กำลังรอคำชี้แจงตามขั้นตอนจากเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ โดยเฉพาะการพิสูจน์หลักฐาน แต่ยืนยันได้ว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้จุดไฟเผาบ้านอย่างแน่นอน เบื้องต้นได้เจอต้นเพลิงจากกองเสื้อผ้า จึงกำลังรอพิสูจน์หลักฐานยืนยัน
ส่วนกระแสต่างๆ ที่ออกมามีความพยายามบิดเบือนชี้นำในรูปแบบต่างๆ เช่น กล่าวหาว่าเจ้าหน้าที่ขโมยเงินและทองคำจำนวนมากในบ้าน ซึ่งก็เคยเกิดกระแสแบบนี้มาแล้วแทบทุกครั้งที่มีปฏิบัติการยิงปะทะ แต่สิ่งที่ไม่ยอมพูดก็คือ พบหลักฐานเป็นถังแก๊สขนาดบรรจุ 5 กิโลกรัมถึง 2 ถัง ซึ่งไม่ใช่ถังแก๊สที่ใช้ตามบ้าน นอกจากนั้นยังพบแกลลอลน้ำมัน ปุ๋ยยูเรีย และท่อเหล็กคล้ายที่ใช้ผลิตไปป์บอม โดยเฉพาะปุ๋ยยูเรียทำเป็นดินระเบิดได้ และยังพบซากรถจักรยานยนต์ 3 คันด้วย
ทั้งหมดนี้ พ.อ.ปราโมทย์ บอกว่า ต้องรอตรวจสอบเพื่อสรุปอีกครั้ง และปฏิบัติการครั้งนี้มีการวางแผนล่วงหน้า หาข่าวและข้อมูลก่อนนานมาก กำลังที่ใช้ปิดล้อมก็แค่ 50 นาย ไม่ใช่ 500 นาย และปฏิบัติการทุกขั้นตอนก็มีผู้นำท้องที่ร่วมอยู่ด้วย ใช้เวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมงจึงควบคุมสถานการณ์ได้
-----------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แสงเพลิงจากบ้านที่เกิดเหตุ ระหว่างปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้น
2 นายซูการ์โน มะทา ส.ส.ยะลา พรรคประชาชาติ ลงพื้นที่เกิดเหตุ
3 สภาพบ้านที่โดนเผาและร่องรอยกระสุน