จับตาสงครามขยะโลก! เมื่อมาเลฯ ประกาศส่งคืนพลาสติกปนเปื้อนสารเคมี450ตัน ให้ปท.มหาอำนาจ
"....นายโย บี ยิน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เปิดแถลงว่า ขอให้สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น จีน ซาอุดิอาระเบีย บังคลาเทศ เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ เตรียมตัวที่จะได้รับขยะเหล่านี้คืนไปด้วย ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีตู้คอนเทนเนอร์ขนขยะจำนวน 5 ตู้ถูกส่งกลับไปยังประเทศสเปนแล้ว..."
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีประเด็นใหญ่เกี่ยวเรื่องสิ่งแวดล้อมเกิดขึ้นและกำลังถูกจับตามองจากทั่วโลก
เมื่อประเทศมาเลเซีย ประกาศส่งคืนขยะพลาสติกปนเปื้อนสารเคมีจำนวนกว่า 450 ตันกลับไปยังประเทศต้นทางที่ถูกขนส่งมา พร้อมปฎิเสธว่า ประเทศนี้ไม่ได้เป็นสถานที่รองรับขยะจากทั่วโลก
ที่มาของเรื่องนี้ เริ่มต้นจากการที่ สำนักข่าว CNN สหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่รายงานข่าวว่า ประเทศมาเลเซียกำลังส่งคืนขยะพลาสติกปนเปื้อนสารเคมีจำนวนกว่า 450 ตันกลับไปยังประเทศที่ถูกขนส่งมา
ภายหลังจากที่มีการตรวจสอบพบว่า ตู้คอนเทนเนอร์จำนวน 9 ตู้ ซึ่งเข้าเทียบท่าเรือแคลง บริเวณทางตะวันตกของเมืองกัวลาลัมเปอร์ ได้ถูกขนขยะพลาสติกประเภทไม่สามารถรีไซเคิลได้
แต่กลับปิดป้ายแสดงประเภทพลาสติกไว้ผิดประเภท และยังรวมไปถึงขยะของใช้ในบ้านและขยะอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย
ขณะที่ นายโย บี ยิน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี สิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เปิดแถลงว่า ขอให้สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร แคนาดา ญี่ปุ่น จีน ซาอุดิอาระเบีย บังคลาเทศ เนเธอร์แลนด์ และสิงคโปร์ เตรียมตัวที่จะได้รับขยะเหล่านี้คืนไปด้วย ในช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา มีตู้คอนเทนเนอร์ขนขยะจำนวน 5 ตู้ถูกส่งกลับไปยังประเทศสเปนแล้ว
มีรายข่าวแจ้งว่า ในช่วงกลางเดือนเม.ย.2562 ที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซีย ได้เร่งให้หน่วยปฏิบัติการปราบปรามเอาจริงเอาจังกับปัญหานี้ที่กำลังขยายตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งที่ การนำเข้าขยะพลาสติกผิดกฎหมายเหล่านี้ ถูกเจ้าหน้าเข้าจับกุมไปแล้วมากกว่า 10 ครั้ง ในช่วงที่ผ่านมา
โดยในปี 2561 ที่ผ่านมา ประเทศจีน ได้สั่งห้ามการนำเข้าขยะพลาสติกอันเป็นส่วนหนึ่งของแผนการฟื้นฟูสภาพแวดล้อม ซึ่งคำสั่งดังกล่าวก่อให้เกิดผลกระทบไปทั่วโลก เนื่องจากหลายฝ่ายต้องหาที่ทิ้งขยะที่ใหม่ ดังเช่นประเทศมาเลเซียเป็นต้น
รายงานล่าสุดขององค์กรกรีนพีซ (Greenpeace) พบว่าในช่วงเจ็ดเดือนแรกของปี 2561 ขยะพลาสติกถูกส่งออกจากสหรัฐอเมริกาไปยังมาเลเซียมากเป็นเท่าตัวเมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน
ขณะที่รัฐมนตรีโย ระบุในการแถลงข่าวด้วยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทรีไซเคิลขยะสัญชาติอังกฤษแห่งหนึ่งได้ส่งออกขยะพลาสติกเป็นจำนวนมากกว่า 50,000 เมตริกตันมาในตู้คอนเทนเนอร์เป็นจำนวนกว่า 1,000 ตู้
"เราขอเรียกร้องให้ประเทศที่พัฒนาแล้วทั้งหลายทบทวนวิธีการบริหารจัดการขยะพลาสติก และขอให้หยุดการส่งออกขยะพลาสติกมายังประเทศที่กำลังพัฒนา" รัฐมนตรีโยกล่าว
ในขณะที่การส่งออกขยะพลาสติกก็ได้เกิดขึ้นในประเทศฟิลิปปินส์เช่นเดียวกัน โดยประเทศแคนาดาเพิ่งจะผิดนัดกำหนดการรับคืนขยะจำนวนหลายตันเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวยังก่อให้เกิดปะทะทางการทูตกับประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ โดยประธานาธิบดีฟิลิปปินส์หรือนายรอดริโก ดูเตอร์เต้ ได้กล่าวไว้ว่า "เขาเตรียมพร้อมที่จะประกาศศึกกับประเทศแคนาดาในประเด็นดังกล่าว"
ในขณะที่รัฐบาลแคนาดาได้ยอมรับว่าจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดในการส่งคืนขยะดังกล่าวและรับรองว่าขยะจำนวนทั้งหมดจะถูกส่งคืนภายในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
และในช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา นางแคโรลีน เตรีอูลท์ รองผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลแคนาดา ได้ออกมาระบุว่า แคนาดาดำเนินการเรื่องดังกล่าวอย่างจริงจังและอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนบริษัทเอกชนผู้กระทำความผิดครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลว่ามีกี่บริษัทที่ร่วมรู้เห็นการกระทำดังกล่าว นอกจากนี้ บริษัทสัญชาติแคนาดาทั้งหมดจะต้องดำเนินการตามกฎหมายและการละเมิดกฎหมายไม่ว่าประการใดย่อมนำไปสู่การลงโทษ ขณะนี้รัฐบาลแคนาดากำลังติดต่อไปยังรัฐบาลมาเลเซียเพื่อสืบหาข้อมูลเพิ่มเติม
หลังจากที่ในปี 2561 ที่ผ่านมา รัฐบาลจากกว่า 187 ประเทศรวมถึงประเทศมาเลเซียร่วมกันตกลงเพิ่มขยะพลาสติกเข้าไปในอนุสัญญาบาเซล (สนธิสัญญาซึ่งควบคุมการเคลื่อนย้ายวัตถุอันตรายจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง) เพื่อต่อสู้กับผลกระทบอันร้ายแรงเกี่ยวกับมลพิษทั่วโลกซึ่งเกิดจากขยะพลาสติก (ที่มา: https://edition.cnn.com/2019/05/28/asia/malaysia-plastic-waste-return-intl/index.html)
ทั้งหมดนี่ คือความเคลื่อนไหวเรื่องขยะโลกที่เกิดขึ้นในมาเลเซีย ส่วนประเทศไทย ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านใกล้เคียงกัน จะมีปัญหาแบบเดียวซ้อนเร้นเกิดขึ้นด้วยหรือไม่นั้น ยังไม่มีข้อมูลยืนยันชัดเจนในช่วงเวลาที่ผ่านมา
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/