ชวนคนไทย 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ 1 มิ.ย.-31 ส.ค.นี้
สปสช.ชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีด “วัคซีนไข้หวัดใหญ่” ป้องกันภาวะรุนแรง ลดอัตราเสียชีวิต เผย ปี 62 เตรียมวัคซีน 4 ล้านโด๊ส เพิ่มจากปีที่ผ่านมา 5 หมื่นโด๊ส พร้อมรับมือแนวโน้มแพร่ระบาดหนัก หลังมีรายงานผู้ป่วยเพิ่ม 3-5 เท่าจากปี 2560-2561
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า ไข้หวัดใหญ่นับเป็นโรคระบาดประจำปี เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) ผู้ป่วยจะมีอาการเล็กน้อยถึงรุนแรง อาการพบบ่อยที่สุด ได้แก่ ไข้สูง คัดจมูก เจ็บคอ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดศีรษะ ไอ และรู้สึกเหนื่อย ผู้ป่วยกลุ่มหนึ่งอาจมีภาวะรุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยง ทั้งสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ยังมีแนวโน้มแพร่ระบาดมาก ตั้งแต่ต้นปีถึงพฤษภาคมมีรายงานผู้ป่วยแล้วกว่า 1.5 แสนราย เสียชีวิต 10 ราย เป็นการระบาดที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลัง และสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2560-2561 ประมาณ 3-5 เท่า
ในการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ได้บรรจุวัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เพื่อฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศเป็นประจำทุกปีอย่างต่อเนื่อง และในปี 2562 นี้ ด้วยสถานการณ์แนวโน้มการแพร่ระบาดมาก และเพื่อให้เกิดความครอบคลุมกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น บอร์ด สปสช.ได้อนุมัติให้จัดเตรียมวัคซีนไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 4 ล้านโด๊ส เพิ่มเติมจากปี 2561 ที่จัดเตรียมจำนวน 3.5 ล้านโด๊ส เพื่อให้ครอบคลุมประชาชนกลุ่มเสี่ยงเพิ่มขึ้น และร่วมกับกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และหน่วยบริการทั่วประเทศ ในการฉีดให้กับประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง
ส่วนวัคซีนที่ สปสช.จัดเตรียมนี้เป็นไปตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติกำหนด โดยเป็นวัคซีนผลิตจากเชื้อตาย 3 สายพันธุ์ตามคำแนะนำขององค์การอนามัยโลก (World Health Organization : WHO) มีการระบาดมากในประเทศไทยและทั่วโลก ประกอบด้วยไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H1N1) เป็นสายพันธุ์เดิมมิชิแกน, ชนิด A (H3N2) มีการเปลี่ยนแปลงจากปีที่แล้ว จากสายพันธุ์สิงคโปร์เป็นสายพันธุ์สวิสเซอร์แลนด์ ใกล้เคียงกับสายพันธุ์ที่ระบาดในไทยถึงร้อยละ 87.50 และไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด B มีการเปลี่ยนแปลงจากสายพันธุ์ ยามากะตะ/ภูเก็ต เป็นสายพันธุ์ วิกตอร์เรีย/โคโรลาโด เป็นสายพันธุ์ที่พบร้อยละ 95.14 ในกลุ่มผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B ในประเทศไทย
“ในการป้องกันการแพร่ระบาดและลดความรุนแรงของโรคไข้หวัดใหญ่ในกลุ่มเสี่ยง สปสช.ขอเชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ร่วมรับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ฟรี โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน ถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2562 หรือจนกว่าวัคซีนจะหมด ที่หน่วยบริการภาครัฐและหน่วยบริการเอกชนที่ร่วมระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ” เลขาธิการ สปสช.กล่าว และว่า สำหรับในกรณีหญิงตั้งครรภ์ เมื่ออายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป สปสช.ได้จัดเตรียมวัคซีนไว้สำหรับทุกคน และไม่จำเป็นว่าต้องมารับการฉีดในช่วงรณรงค์เท่านั้น แต่สามารถขอรับการฉีดวัคซีนได้ตลอดทั้งปี
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวต่อว่า ไข้หวัดใหญ่มีระยะฟักตัวสั้นมาก ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระดับแอนติบอดี้สูงอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการติดโรค จึงต้องมีการฉีดวัคซีนทุกปีเพื่อคอยกระตุ้นให้มีระดับภูมิต้านทานอยู่ตลอดเวลา อย่างไรก็ตามการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ วัคซีนมีผลช่วยป้องกันได้ร้อยละ 60-70 ดังนั้นการดูแลตนเองด้วยการหลีกเลี่ยงหรือป้องกันตนเองจากการสัมผัสผู้ที่ป่วยด้วยไข้หวัดใหญ่ การทำร่างกายให้แข็งแรงด้วยการออกกำลังกาย กินอาหารที่เอื้อต่อสุขภาพ และล้างมือให้สะอาด ยังเป็นมาตรการที่จำเป็นสำหรับกลุ่มเสี่ยงและประชาชนทั่วไปที่ต้องทำควบคู่ไปด้วยกัน
ทั้งนี้ประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยงที่รณรงค์วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ คือ 1) หญิงมีครรภ์อายุครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2) เด็กอายุ 6 เดือนถึง 2 ปี 3) ผู้มีโรคเรื้อรังประจำตัว ได้แก่ ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หัวใจ หืด ไตวาย หลอดเลือดสมอง ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน 4) ผู้สูงอายุที่อายุ 65 ปีขึ้นไป 5) ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้ 6) โรคธาลัสซีเมียและผู้ที่ภูมิคุ้มกันบกพร่อง รวมผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ 7) โรคอ้วน หรือผู้ที่มีน้ำหนักตั้งแต่ 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร (>100 กก./ BMI>35 kg/m²)
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน สปสช.โทร. 1330