ศาลปกครองกลางไม่รับคดี “เรืองไกร” ฟ้องตุลาการ รธน.
ศาลปกครองกลาง ไม่รับคดี "เรืองไกร" ฟ้องตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ฐานกระทำการไม่ชอบด้วยกม. ระบุเป็นไปตาม ม.210 วรรคสี่ ไม่ใช่อำนาจทางปกครอง
วันที่ 13 กรกฎาคม นายชยิน แสงจันทร์ ตุลาการศาลปกครองกลาง ผู้เป็นเจ้าของสำนวนและองค์คณะมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องคดีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีต ส.ว.สรรหา ยื่นฟ้องนายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ 2 ในคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 และ 2 ทำหน้าที่เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าศาลจะมีคำพิพากษา และให้เพิกถอนมติที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 10 และ 24 สิงหาคม 2554 ที่มีมติให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสองเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและประธานศาลรัฐธรรมนูญ และให้มีคำสั่งเรียกคืนเงินเดือนและผลประโยชน์อื่นที่ผู้ถูกฟ้องคดีได้รับตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2554 และขอให้ไต่สวนโดยเรียกเอกสารประกอบการพิจารณา
นายเรืองไกร ได้ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2555 ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งยกเลิกผลการใช้อำนาจในการบริหารประเทศที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี และศาลรัฐธรรมนูญได้รับคำร้องไว้พิจารณาแล้ว ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า เมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ขอลาออกจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่วันที่ 10 สิงหาคม 2554 ซึ่งที่ประชุมมีมติให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ออกจากตำแหน่งแต่ยังคงให้เป็นตุลาการรัฐธรรมนูญต่อไป
ต่อมาที่ประชุมตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติเมื่อวันที่ 24 สิงหาคม 2554 เลือกผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญแทน การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ที่ได้ลาออกและไม่ได้มีตำแหน่งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแล้ว ซึ่งเห็นได้จากการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2551 ไม่ได้ระบุให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด ต่อมาจึงมีการโปรดเกล้าฯให้ผู้ถูกฟ้องที่ 1 พ้นจากตำแหน่งประธานศาลรัฐธรรมนูญ แต่ก็ไม่ได้มีการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2 ได้รับการเลือกให้เป็นประธานศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมีผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่อยู่ด้วย การลงมติจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลพิจารณาแล้ว เห็นว่า การดำเนินการและมติของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นการดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ ม.210 วรรคสี่ ประกอบกอบ ม.204 วรรคสาม ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญตามรัฐธรรมนูญ มิใช่การใช้อำนาจทางปกครองหรือการดำเนินกิจการทางปกครองที่จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตาม ม.223 จึงมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาและให้จำหน่ายคดีออกจากสารบบความ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่ศาลต้องพิจารณาคำขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนการพิพากษาตามคำขอของผู้ฟ้องคดี
