พาณิชย์สหรัฐขึ้นบัญชีดำ "หัวเว่ย"อย่างเป็นทางการ
กระทรวงพาณิชย์ขึ้นบัญชีดำบริษัทเกือบ 70 แห่งรวมถึงหัวเว่ย เข้าสู่รายชื่อผู้ประกอบการจากต่างชาติที่หากบริษัทของอเมริกาต้องการคบค้าด้วย "ต้องมีใบอนุญาตก่อน"
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 2562 ว่ากระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐประกาศเมื่อวันพุธ ขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยและบริษัทอีก 68 แห่ง จากอีกมากกว่า 20 ประเทศ เข้าสู่รายชื่อที่ห้ามผู้ประกอบการของอเมริกาทำการค้าขายด้วย หากไม่มีใบอนุญาตจากรัฐบาลวอชิงตัน ซึ่งตามหลักการแล้วการขอใบอนุญาตดังกล่าว "ไม่ใช่เรื่องง่าย" โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคำสั่งนี้บัญญัติโดยใช้อำนาจพิเศษของประธานาธิบดี และมีการตราลงในบันทึกราชการพร้อมเลขทะเบียนคำสั่ง
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศ "สถานการณ์ฉุกเฉินด้านเทคโนโลยี" เมื่อวันพุธที่ผ่านมา เพื่อพิทักษ์ระบบโครงข่ายอินเตอร์เน็ตและเทคโนโลยีสารสนเทศของสหรัฐจาก "การรุกรานโดยศัตรู" แม้ไม่ได้พาดพิงชื่อบริษัทหรือประเทศหนึ่งประเทศใดอย่างเจาะจง และมอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์เสนอร่างแนวทางปฏิบัติเรื่องนี้ภายใน 150 วัน แต่แถลงการณ์ของกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ในเรื่องของการขอใบอนุญาตนั้น "มีผลบังคับใช้ทันที" และมีถ้อยความพาดพิงอย่างชัดเจนว่าหัวเว่ยเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ "กิจกรรม" ซึ่งส่งผลกระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐ และผลประโยชน์ด้านนโยบายต่างประเทศของสหรัฐ
ขณะที่หัวเว่ยยังไม่แสดงท่าทีต่อความเคลื่อนไหวของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ แต่ออกมาตอบโต้ต่อคำสั่งของทรัมป์ในวันเดียวกัน ว่าอเมริกาไม่ใช่ "ตลาดสำคัญ" ของหัวเว่ยอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความเปลี่ยนที่เกิดขึ้นแทบไม่ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัท ซึ่งมีความเป็นมิตรกับทุกประเทศบนโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการสนับสนุนการพัฒนาระบบ 5 จีของประเทศที่เป็นพันธมิตรทางการค้าต่อกัน.