'รฟท.' ขออัยการช่วยดูแนวทางจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์
"โฆษกอัยการ" เผย "รฟท." ประสานสำนักงานอัยการสูงสุด ขอตั้งอัยการเป็นผู้แทนร่วมดูแนวทางปฏิบัติคดีชดใช้เงินโฮปเวลล์ ร่วม 1.2 หมื่นล้าน
เมื่อวันที่ 16 พ.ค.62 นายธรัมพ์ ชาลีจันทร์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด ได้เปิดเผยถึงกรณีที่ นายวรวุฒิ มาลา รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.)นัดหมายที่จะเข้าพบอัยการผู้ที่รับผิดชอบคดีโฮปเวลล์ ที่ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เม.ย.62 ให้ รฟท. ปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการ ชดใช้ค่าเสียหายให้กับเอกชนว่า ทางตัวแทน รฟท. ได้เข้าพบและหารือกับตนเมื่อวานที่ผ่านมา (15 พ.ค.) โดยเป็นหารือที่จะประสานขอส่งอัยการเป็นตัวแทนฝ่าย รฟท.ร่วมพิจารณาแนวทางปฏิบัติหลังศาลปกครอง สูงสุดมีคำพิพากษาคดีโฮปเวลล์ จะให้อัยการร่วมช่วยดูแนวทางปฏิบัติตามสิทธิของ รฟท.ว่าจะมีอย่างไรและต้องปฏิบัติให้ถูกต้อง ตามกฎหมายอย่างไรบ้าง
ทั้งนี้ได้แจ้งกับตัวแทน รฟท. ให้ทราบว่าก่อนหน้านี้ทางฝ่ายรัฐบาลก็จัดให้มีคณะร่วมขึ้นมาพิจารณาแนวทางปฏิบัติ โดยในส่วนนั้นก็มีกระทรวงคมนาคมที่ได้ประสาานขอขอให้ตั้งอัยการเข้าไปร่วมเป็นตัวแทนด้วยแล้ว และสำนักงานอัยการสูงสุดก็ได้มอบให้ อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครอง กับ อัยการเจ้าของสำนวนในคดีปกครอง ดังกล่าวอีกคน ไปเป็นตัวแทนของกระทรวงคมนาคมร่วมพิจารณาแนวทางดังกล่าวกับฝ่ายรัฐบาลด้วยแล้ว
ดังนั้น หาก รฟท. ยังยืนยัน ที่จะขอให้มีอัยการเป็นตัวแทนเฉพาะดูแลในเฉพาะของ รฟท. เราก็จะหารือ กันใหม่อีกครั้ง ซึ่งหาก รฟท. ยืนยันเช่นนั้น เราก็มีแนวทางที่จะมอบหมายให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปกครองและอัยการเจ้าของสำนวนทั้ง 2 คนที่ก่อนหน้านี้ที่ได้รับมอบหมายไปดูแลในส่วนของกระทรวงคมนาคมนั้น ได้ ร่วมดูแนวทางสำหรับ รฟท.ต่อไปด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนั้น ศาลได้มีคำพิพากษาถึงที่สุด ให้กระทรวงคมนาคม และ รฟท. ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตฯ เมื่อวันที่ 30 ก.ย.51 และ 15 ต.ค.51 ที่คณะอนุญาโตฯ ชี้ขาด ให้ กระทรวงคมนาคม -รฟท. ต้องชดใช้เงินค่าเสียหาย 3 ส่วน ให้กับ บจก.โฮปเวลล์ฯ กรณีที่ ก.คมนาคม -รฟท.บอกเลิกสัญญา จากเหตุที่เห็นว่าไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนดได้
ประกอบด้วยเงินค่าตอบแทนที่ บจก.โฮปเวลล์ ชำระไว้จำนวน 2,850,000,000 บาท และให้คืนหนังสือค้ำประกัน คืนค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือค้ำประกัน จำนวน 38,749,800 บาท และเงินในการก่อสร้างโครงการจำนวน 9,000 ล้านบาท รวมจำนวน 11,888,749,800 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี โดยในส่วนของดอกเบี้ยเงินค่าตอบแทนกับเงินค่าธรรมเนียมนั้นให้นับตั้งแต่วันที่ได้รับเงินค่าตอบแทนแต่ละงวด และวันที่จ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้กับธนาคาร ส่วนดอกเบี้ยของเงินก่อสร้างโครงการให้นับตั้งแต่วันที่คณะอนุญาโตฯ ชี้ขาดโดยศาลปกครองสูงสุด
ที่มาข่าว:https://www.posttoday.com/economy/589329