ไทยพาณิชย์ ชู 4 กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งปี 2562
ธนาคารไทยพาณิชย์ ชู 4 กลยุทธ์สำคัญขับเคลื่อนธุรกิจบริหารความมั่งคั่งปี 2562 นำเวลธ์เทคเสริมแกร่งแพลตฟอร์มการให้บริการ มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านเวลธ์แบงก์กิ้งของเมืองไทย
ธนาคารไทยพาณิชย์ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแพลตฟอร์ม สานต่อยุทธศาสตร์องค์กรผลักดันธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) หนึ่งในธุรกิจหลักสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคารทดแทนธุรกิจรูปแบบเดิม (New Normal of Growth) ให้มีความแข็งแกร่งรองรับความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด พร้อมชูกลยุทธ์ในการรุกตลาดเวลธ์แมนเนจเม้นท์ของเมืองไทย ผ่าน 4 แกนหลักสำคัญ ได้แก่ 1) People ทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ 2) Touchpoint เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการผ่าน SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร 3) Solution ที่ครบเครื่องและเปิดกว้างด้านการลงทุนด้วยการนำเสนอกองทุนที่หลากหลายและดีที่สุดสำหรับลูกค้า 4) Wealth Tech ดิจิทัลเทคโนโลยีทันสมัย ชูโรงด้วย iOnboard, wPlan และ EASY Invest ที่จะยกระดับประสบการณ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งส่วนบุคคลแบบครบเครื่อง ตั้งเป้าสิ้นปี 2562 ขยายฐานลูกค้า SCB Wealth เพิ่มประมาณ 6 - 7% ปูทางสู่การเป็นผู้นำเวลธ์แบงก์กิ้งของเมืองไทย
นางสาวศลิษา หาญพานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน ผลิตภัณฑ์การลงทุนและเงินฝาก ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Segment Management และ Strategic Planning ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า “ภาพรวมของตลาดลูกค้ากลุ่มที่มีความมั่งคั่ง หรือกลุ่มเวลธ์ (Wealth) ในประเทศไทย ที่มีสินทรัพย์ตั้งแต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป มีทิศทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันมีจำนวนลูกค้าอยู่ประมาณ 711,400 คน คิดเป็น 1% ของประชากรทั้งประเทศ แต่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหาร (AUM) อยู่ที่ประมาณ 15 ล้านล้านบาท คิดเป็น 80% ของทั้งประเทศ โดยธนาคารมองว่าธุรกิจลูกค้ากลุ่มเวลธ์ในประเทศไทยยังมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตอีกมาก ผนวกกับเทรนด์โลกด้านการให้บริการเวลธ์แมนเนจเม้นท์ (Global Wealth Management Trend) พบว่าลูกค้ามีความต้องการการผสมผสานระหว่างที่ปรึกษาด้านการลงทุน และเครื่องมือในการช่วยบริหารความมั่งคั่ง และจากยุทธศาสตร์องค์กรที่มุ่งผลักดันและให้ความสำคัญกับธุรกิจบริหารความมั่งคั่งซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักสำคัญที่จะสร้างการเติบโตให้กับธนาคาร รวมถึงความมุ่งมั่นในการพัฒนาดิจิทัลแพลตฟอร์มต่างๆ เพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินให้สามารถตอบโจทย์และทันกับความต้องการของลูกค้าที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว”
“ในปี 2562 กลุ่มธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง หรือ SCB Wealth จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยี พร้อมพัฒนาบุคลากรระดับมืออาชีพ และบริการที่มีคุณภาพ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ด้านการเงินที่ดีขึ้น และตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้าได้อย่างครอบคลุมที่สุด ผ่าน 4 กลยุทธ์แกนหลักอันเป็นหัวใจสู่ความสำเร็จ ได้แก่ 1) People ทีมที่ปรึกษาด้านการเงินการลงทุนส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ 2) Touchpoint เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการผ่าน SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร 3) Solution ที่ครบเครื่องและเปิดกว้างด้านการลงทุนด้วยการนำเสนอกองทุนที่หลากหลายและดีที่สุดสำหรับลูกค้า 4) Wealth Tech ดิจิทัลเทคโนโลยีทันสมัย ชูโรงด้วย iOnboard, wPlan และ EASY Invest
4 กลยุทธ์ หัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจเวลธ์ของไทยพาณิชย์ปี 2562
People ทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคลระดับมืออาชีพ (Relationship Manager Team) กว่า 1,700 คน ซึ่งผ่านการอบรมหลักสูตรเฉพาะทาง SCB Wealth Academy ใน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ Wealth Integrity, Wealth Goal Based, Wealth Expertise, Wealth Trust และ Customer Management พร้อมให้คำปรึกษาและแนะนำการลงทุนแบบมืออาชีพ มีศักยภาพในการดูแลลูกค้าได้อย่างใกล้ชิดและทั่วถึง
Touchpoint เปลี่ยนรูปแบบการให้บริการที่ครอบคลุมตอบโจทย์ความต้องการผ่าน SCB Investment Center ศูนย์บริหารความมั่งคั่งแบบครบวงจร ซึ่งเป็นศูนย์รวมองค์ความรู้ด้านการลงทุนอันทันสมัย จำนวน 14 แห่ง และ Wealth Branch หรือสาขาที่โฟกัสเรื่องเวลธ์กว่า 100 สาขาทั่วประเทศ เพื่อช่วยให้ลูกค้าทั่วประเทศสามารถเข้าถึงเป้าหมายทางการเงิน
Solution ที่ครบเครื่องและเปิดกว้างด้านการลงทุนด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายซึ่งให้กับลูกค้า คัดสรรโดยทีม SCB CIO Office คลังสมองด้านการลงทุนของธนาคารไทยพาณิชย์ อาทิ Structure Product, Complex Return, Infra structured, REITS เป็นต้น
Wealth Tech หนึ่งในเทคโนโลยีสำคัญที่น่าจับตามอง ซึ่งจะกลายมาเป็นหัวใจสำคัญในการเสริมขีดความสามารถ และพัฒนารูปแบบการให้บริการ รวมถึงประสบการณ์ด้านการบริหารความมั่งคั่งกับลูกค้ายุคดิจิทัลได้แบบไร้รอยต่อ (Seamless & Smart Wealth Management Experience) ประเดิมด้วย 3 แพลตฟอร์มสำคัญ ได้แก่
iOnboard แพลตฟอร์มสำคัญที่จะเปลี่ยนประสบการณ์การเปิดบัญชีด้วยขั้นตอนที่ง่าย รวดเร็ว ครอบคลุมทุกบัญชีในการบริหารความมั่งคั่ง ได้แก่บัญชีเงินฝากทุกประเภท บัญชีกองทุนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์ (SCBAM) และบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์กับบริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ (SCBS) ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว โดดเด่นด้วยเทคโนโลยียืนยันตัวตนได้อย่างแม่นยำ Facial Recognition แบบเรียลไทม์ ลดขั้นตอนการกรอกและปริมาณเอกสารที่ใช้ (Paperless) รวมถึงลดระยะเวลาในการเปิดบัญชีเหลือเพียง 9 นาที เพิ่มความสะดวกให้กับลูกค้าในการลงนามเพียงครั้งเดียวผ่านอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์
wPlan เครื่องมือสำคัญที่เปรียบเสมือนยกคลังสมองด้านการลงทุนแบบเจาะลึกรอบด้านมาไว้ตรงหน้าลูกค้าโดยมีทีมที่ปรึกษาทางการเงินส่วนบุคคล (RM) คอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด ให้บริการวางแผนการลงทุนแบบรอบด้าน (Holistic Planning) ที่รวบรวมกลยุทธ์และมุมมองการลงทุนจากทีม SCB CIO Office ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน (Expert) ที่เจาะลึกและทันเหตุการณ์ ที่มาพร้อมกับรายละเอียดผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่างชัดเจน (Transparent) ลูกค้าสามารถลงทุนได้หลากหลายและปรับเปลี่ยนน้ำหนักการลงทุนได้ตามต้องการ (Flexibility)
Easy Invest เปลี่ยนทุกประสบการณ์การลงทุนให้เป็นเรื่องง่าย สามารถลงทุนได้ด้วยตัวคุณเอง (D.I.Y.) ที่ครบและง่ายที่สุด ผ่าน SCB EASY นำร่องด้วย Robo-advisor ที่มีจุดเด่นด้านการตั้งเป้าหมายเพื่อออกแบบแผนการลงทุนเฉพาะบุคคลแบบอัตโนมัติ ส่งเสริมให้นักลงทุนลงทุนอย่างมีวินัย สร้างนิสัยการออมเพื่อให้เป้าหมายที่ตั้งไว้สำเร็จ
“หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของไทยพาณิชย์ในการรุกธุรกิจบริหารความมั่งคั่ง คือ การขยายฐานลูกค้ากลุ่มเวลธ์ให้เติบโตไปพร้อมกับก้าวใหม่ของธนาคาร มุ่งมั่นพัฒนาในด้านต่างๆ ทั้งนวัตกรรมเทคโนโลยี การพัฒนาบุคลากรระดับมืออาชีพ และบริการ เพื่อเปลี่ยนประสบการณ์ใหม่ด้านการบริหารความมั่งคั่งที่ตอบโจทย์ความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า โดยคาดว่าภายใต้ 4 กลยุทธ์หลักของ SCB Wealth ในการทำธุรกิจจะช่วยผลักดันให้สิ้นปี 2562 จะสามารถขยายฐานลูกค้า SCB Wealth เพิ่มขึ้นประมาณ 6 - 7% และผลักดันให้ธนาคารสามารถครองใจลูกค้าและขึ้นเป็นผู้นำด้านเวลธ์แบงก์กิ้งของเมืองไทยได้ในที่สุด” นางสาวศลิษา กล่าวเสริม