ดีเดย์ 25 ก.ค.นี้ “ร่างไกล่เกลี่ยฯ”สู่เวทีสาธารณะ
ระบุทั้งผู้บริโภค-ผู้ประกอบการ “win-win” ทั้งสองฝ่าย ส่วนช่องทางรับฟังความคิดเห็นผ่านเว็บไซต์ เริ่ม 9 ก.ค. - 9 ส.ค. ศกนี้
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกฎหมาย ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการบูรณาการและปรับปรุงกฎหมายและระเบียบด้านโทรคมนาคม เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (บอร์ดกสทช.) ครั้งที่ 9/2555 เมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2555 มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างระเบียบ กสทช. ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมและผู้ร้องเรียนพ.ศ. ... ตามที่สำนักงาน กสทช.เสนอ และให้นำร่างระเบียบฯดังกล่าวไปจัดประชุมรับฟังความคิดเห็นของสาธารณะ โดยทางเว็ปไซต์ของสำนักงาน กสทช. และช่องทางเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะอีกหนึ่งช่องทาง เพื่อให้เป็นไปตามมาตรา 28 แห่งพ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ฯ พ.ศ. 2553 ต่อไป
สำหรับความคืบหน้าล่าสุดในเรื่องนี้ สำนักงานกสทช. ได้ดำเนินการตามมติเห็นชอบของบอร์ดกสทช.ด้วยการนำร่างระเบียบกสทช.ว่าด้วยการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทระหว่างผู้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมและผู้ร้องเรียน พ.ศ. ... ลงประกาศในเว็ปไซต์ของสำนักงานกสทช. www.nbtc.go.th ตั้งแต่วันที่ 9 กรกฎาคม 2555 เพื่อเชิญชวนผู้มีส่วนได้เสียและประชาชนทั่วไป ร่วมแสดงความคิดเห็นต่อร่างระเบียบดังกล่าว ด้วยการกรอกแบบแสดงความคิดเห็นตามภาคผนวกและส่งความคิดเห็นทาง โทรสาร 02-278-3355 กลุ่มงานกฎหมายโทรคมนาคม สำนักงาน กสทช. ภายในวันที่ 9 สิงหาคม 2555 ก่อนจะจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในวันที่ 25 กรกฎาคม 2555 เวลา 8.30-13.30 น. ณ ห้องแกรนด์ บอลรูม โรงแรมรามาการ์เด้นส์ กรุงเทพฯ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมแสดงความคิดเห็นในครั้งนี้ไม่น้อยกว่า 400 คน
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากกฎหมายกำหนดให้กสทช.ต้องพิจารณาเรื่องร้องเรียนที่ผู้บริโภคร้องเรียนผู้ประกอบการและให้คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคด้านกิจการโทรคมนาคม พิจารณาให้ความเห็นเรื่องร้องเรียนดังกล่าวก่อนเสนอความเห็นมายังบอร์ดกทค. ซึ่งที่ผ่านมามีเรื่องร้องเรียนเป็นจำนวนมาก และนับวันก็จะมีมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อมีการประมูลคลื่นความถี่ 3G แล้วมีการให้บริการมากขึ้น จำนวนเรื่องร้องเรียนก็จะมีมากขึ้นตามลำดับ จากการพิจารณาเรื่องร้องเรียนมีลักษณะเป็นคอขวด เช่น ในปัจจุบันก็จะเกิดปัญหาการพิจารณาล่าช้า จึงจำเป็นต้องหาแนวทางในการระงับข้อพิพาททางเลือก ด้วยวิธีการไกล่เกลี่ยเพื่อบริหารจัดการเรื่องร้องเรียนให้เกิดความรวดเร็วมีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์ต่อผู้บริโภค
กรรมการกสทช. กล่าวด้วยว่า ประโยชน์และข้อดีของการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ก็คือ 1. สะดวก เนื่องจากการไกล่เกลี่ยข้อพิพาทเป็นวิธีการระงับข้อพิพาทที่ไม่มีแบบพิธีมากนัก ค่อนข้างยืดหยุ่นและเป็นมิตรกันมากกว่าการพิจารณาคดีในศาล 2. มีความรวดเร็ว เนื่องจากการไกล่เกลี่ยใช้เวลาในการดำเนินการไม่นานนักก็สามารถที่จะทราบได้ว่าคู่กรณีตกลงได้หรือไม่ หากตกลงได้ก็จะทำให้ข้อพิพาทเสร็จสิ้นไปได้โดยเร็ว ถ้าไม่สามารถตกลงกันได้ คู่กรณียังสามารถใช้สิทธิของตนทางศาลตามกฎหมาย
3. ประหยัด เนื่องจากการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย เป็นการเพิ่มทางเลือกให้คู่กรณีมากขึ้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากไกล่เกลี่ยสำเร็จจะทำให้ประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายของคู่กรณี และค่าใช้จ่ายของ สำนักงานกสทช. อีกทั้งการเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยเป็นการลดขั้นตอน และกระบวนการพิจารณาเรื่องร้องเรียนตามปกติในการระงับข้อพิพาท ทำให้การไกล่เกลี่ยใช้เวลาในการดำเนินการไม่นานนัก การนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้ในข้อพิพาทระหว่างผู้ประกอบการกับผู้บริโภคจะทำให้สามารถยุติข้อพิพาทบางประการได้อย่างรวดเร็ว 4. รักษาสัมพันธ์ภาพระหว่างคู่กรณี เนื่องจากคู่กรณีสามารถตกลงระงับ ข้อพิพาทกันได้จะทำให้ลดข้อขัดแย้งโต้เถียงกัน ตลอดจนปฏิบัติตามสัญญาต่อไปจนเสร็จโดย ไม่กลายเป็นชนวนลุกลามไปสู่ข้อพิพาทที่รุนแรงยิ่งขึ้นไปอีกซึ่งจะเป็นผลดีกับทุกฝ่าย
5. สร้างความพึงพอใจให้แก่คู่กรณี เนื่องจากการไกล่เกลี่ยเป็นวิธีการที่ใช้เทคนิคการเจรจาต่อรองและหลักจิตวิทยา รวมทั้งหลักกฎหมายเพื่อโน้มน้าวให้คู่กรณีลดหย่อนผ่อนปรนให้แก่กันโดยไม่มีการชี้ขาดดังเช่นการพิจารณาคดีของศาล จึงไม่เกิดความรู้สึกว่ามีฝ่ายใดแพ้หรือชนะ อันทำให้เกิดความรู้สึกเสียหน้าหรือเสียศักดิ์ศรีจึงเป็นที่พอใจของคู่กรณีทั้งสองฝ่าย 6. รักษาชื่อเสียงและความลับทางธุรกิจของผู้รับใบอนุญาต เนื่องจากกระบวนการไกล่เกลี่ยดำเนินการเป็นความลับ พยานหลักฐานที่นำเสนอในชั้นไกล่เกลี่ยไม่อาจนำเปิดเผยได้ เว้นแต่คู่กรณีจะยินยอม ทำให้คู่กรณีรักษาความลับหรือชื่อเสียงทางธุรกิจที่อาจเกิดขึ้นมิให้แพร่หลายออกไป อันจะก่อให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจได้
7. สร้างความสงบให้แก่ผู้ร้องเรียน เนื่องจากการไกล่เกลี่ยไม่ว่าจะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ทำให้คู่กรณีที่ทะเลาะ ไม่พูดกันหันหน้ามาเจรจากันได้ เป็นการลดความตึงเครียดระหว่างคู่กรณี 8. ลดปริมาณข้อร้องเรียนที่จะเข้าสู่การพิจารณาของ กทค. หรือ กสทช. รวมทั้งคดีที่จะขึ้นสู่การพิจารณาในชั้นศาล โดยข้อพิพาทที่สามารถตกลงกันได้ก็จะทำให้ไม่มีข้อร้องเรียนเข้าสู่การพิจารณาของ กทค. หรือ กสทช. และศาล และ9. การที่คู่กรณีทั้งสองฝ่ายสมัครใจเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย ไม่ทำให้กระบวนการรับเรื่องร้องเรียนตามปกติเสียไป เนื่องจากการไกล่เกลี่ยเป็นการระงับข้อพิพาททางเลือกอย่างหนึ่งที่เพิ่มเติมเข้ามา ไม่เป็นการบังคับคู่กรณีให้ต้องเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ย คู่กรณีอาจเลือกใช้หรือไม่ใช้วิธีการระงับข้อพิพาทโดยการไกล่เกลี่ยก็ได้
“การนำระบบไกล่เกลี่ยมาใช้เพื่อระงับข้อพิพาทโทรศัพท์มือถือนั้น นับเป็นมิติใหม่ของกสทช.ต่อการระงับข้อพิพาทระหว่างผู้บริโภคกับผู้ให้บริการ ดังนั้นการเปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะต่อร่างระเบียบไกล่เกลี่ยในครั้งนี้ จึงมีความสำคัญ และไม่ควรมีขบวนการใดๆเข้ามาตีรวน หรือบิดเบือนเจตนารมณ์ที่แท้จริงของร่างระเบียบฉบับนี้ เพราะหากเป็นเช่นนั้นก็เท่ากับเป็นการปิดกั้นโอกาสทางเลือกในการระงับข้อพิพาทของผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ที่สำคัญระบบไกล่เกลี่ยนี้จะเป็นการตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคและผู้ประกอบการได้อย่างแท้จริง โดยเป็นการระงับข้อพิพาททางเลือกที่ทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการจะได้ประโยชน์ในลักษณะ win-win ด้วยกันทั้งสองฝ่าย” ดร.สุทธิพล กล่าวในที่สุด
