ดีเอสไอ รายงานความคืบหน้าคดี เผา –ลักทรัพย์ เซ็นทรัลเวิลด์ ระบุไม่มีชายชุดดำเกี่ยวข้อง
วันนี้ (๑๐ ก.ค. ๕๕) นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ รายงานความคืบหน้าคดีวางเพลิง เผาทรัพย์ และลักทรัพย์ เช็นทรัลเวิลด์ ครั้งเมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงเมื่อเดือนเมษายน –พฤษภาคม ๒๕๕๓ ว่า คดีอยู่ระหว่างการสืบพยานของศาล แต่มีจำเลยบางรายศาลได้มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกไปแล้ว ส่วนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่า มีชายชุดดำเกี่ยวข้องหรือไม่นั้น ดีเอสไอในฐานะผู้รับผิดชอบการสอบสวนขอยืนยันว่า ไม่มีชายชุดดำเกี่ยวข้องแต่อย่างใด สำหรับรายละเอียดของคดีทั้ง ๒ กรณี มีดังต่อไปนี้
คดีลักทรัพย์ คดีพิเศษที่ ๒๔๐/๒๕๕๓ รับสำนวนคดีอาญา สน.ปทุมวันที่ ๔๓๐/๔๓ เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ วันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๑๗.๐๐ น. แขวง – เขตปทุมวัน กทม. รายละเอียดการดำเนินการ ตามวันเวลาที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมผู้ต้องหาจำนวน ๙ คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันดำเนินคดี ผู้ต้องหาที่ ๑. นายพินิจ จันทร์ณรงค์ ๒. นายวิศิษฏ์ แกล้วกล้า ๓.นายเอ (นามสมมติ) ๔. นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม ๕. นายบี (นามสมมติ) ๖. นายอาทิตย์ เบ้าสุวรรณ ๗. นายพรชัย โลหิตดี ๘. นายยุทธชัย สีน้อย และ ๙.นางเจียม ทองมาก
สำหรับ ผู้ต้องหาที่ ๓ และผู้ต้องหาที่ ๕ เป็นเยาวชน ได้แยกสำนวนการสอบสวน ซึ่งสน.ปทุมวันเห็นว่า เป็นคดีที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษ จึงส่งมาเป็นคดีพิเศษ
การดำเนินการของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้นโดยมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน สรุปความเห็นทางคดี เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง ๙ คน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เมื่อวันที่ ๔ สิงหาคม ๒๕๕๓ โดยมีฐานความผิด ร่วมกันปล้นทรัพย์ในสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ร่วมกันปล้นทรัพย์ ในบริเวณที่เกิดเพลิงไหม้ โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้น สำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์ หรือโดยผ่าน สิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใด ๆ โดยมีและใช้อาวุธปืน, ร่วมกันขัดขวางเจ้าพนักงานในการปฏิบัติการตามหน้าที่โดยกำลังประทุษร้าย ได้กระทำโดยมีและใช้อาวุธปืน และร่วมกระทำผิดตั้งแต่สามคนขึ้นไป และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ตามที่ได้ประกาศตามพ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
ผลคดีดังกล่าว พนักงานอัยการมีคำสั่งฟ้อง ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ และศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง
ส่วนผลคดีสำหรับศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม ๒๕๕๔ ลงโทษจำเลยทั้ง ๗ คน ในความผิดฐานฝ่าฝืน พ.ร.ก. คนละ ๖ เดือน และลงโทษจำเลย นายคมสันต์ สุดจันทร์ฮาม ในความผิดฐานลักทรัพย์เป็นเวลา ๓ ปี รวมเป็น ๓ ปี ๖ เดือน ฐานความผิดอื่น ยกฟ้อง พนักงานอัยการไม่อุทธรณ์ คดีถึงที่สุดแล้ว
ผลคดีสำหรับศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง สืบพยานฝ่ายโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
คดีวางเพลิง คดีพิเศษที่ ๒๓๙/๒๕๕๓ รับสำนวนคดีอาญา สน.ปทุมวัน ที่ ๔๕๓/๔๓ เป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ ๒๓ มิถุนายน ๒๕๕๓ วันเวลาและสถานที่เกิดเหตุ ๑๙ พฤษภาคม ๒๕๕๓ เวลาประมาณ ๑๔.๐๐ น. แขวง-ปทุมวัน กทม. รายละเอียดการ พนักงานสอบสวน สน.ปทุมวันรับคดีและทำการสืบสวนสอบสวน ออกหมายจับผู้ต้องหารวม ๗ คน ดังนี้ ผู้ต้องหาที่ ๑. ชายไทยไม่ทราบชื่อ ปรากฏตามภาพถ่ายหมายจับ ๒. ชายไทยไม่ทราบชื่อ ปรากฏตามภาพถ่ายหมายจับ ๓. นายสายชล แพบัว ๔ ชายไทยไม่ทราบชื่อ ปรากฏตามภาพถ่ายหมายจับ ๕. นายพินิจ จันทร์ ๖. นายบี(นามสมมติ) ๗. นายเอ (นามสมมติ) อนึ่ง คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ขอศาลออกหมายจับเพิ่มเติม อีก ๒ คน ตามภาพถ่าย รวมเป็น ๙ คน
ผู้ต้องหาที่ ๓ เดิมออกหมายจับตามภาพถ่าย ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้ที่บริเวณสนามหลวง ทราบชื่อภายหลังว่า นายสายชล แพบัว ส่วนผู้ต้องหาที่ ๕-๗ นั้น เป็นผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์ (คดีพิเศษที่ ๒๔๐/๒๕๕๓) ซึ่งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ได้ชี้ยืนยันตัวว่าเป็นผู้กระทำความผิดในการวางเพลิงด้วย สน. ปทุมวัน เห็นว่าเป็นคดีที่ต่อเนื่องเกี่ยวพันกับคดีพิเศษ จึงส่งมาเป็นคดีพิเศษ
การดำเนินการของคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ ได้ดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนเสร็จสิ้นโดยมีพนักงานอัยการร่วมสอบสวน สามารถออกหมายจับผู้ต้องหาตามภาพถ่ายเพิ่มเติมอีกจำนวน ๒ คน รวมเป็น ๙ คน สรุปความเห็นทางคดี เห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง ๙ คน ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ เมื่อวันที่ ๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๓
ความเสียหายต่อทรัพย์สิน จำนวน ๘,๘๙๐,๕๗๘,๖๔๙,๖๑ บาท (รวมทั้งห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ และผู้เสียหายรายย่อย)
ความเสียหายต่อชีวิต นายกิตติพงษ์ สมสุข อายุ ๑๙ ปี (๑-๓๐๐๐๙-๐๐๑๗๕-๖๐-๑) อยู่บ้านเลขที่ ๓๘ ม.๙ ต.หว้านคำ อ.ราษีไศล จ.ศรีสะเกษ ถึงแก่ความตายในสถานที่เกิดเหตุ แพทย์ชันสูตรลงความเห็นสาเหตุการตายเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
ฐานความผิด ร่วมกันวางเพลิเผาทรัพย์ผู้อื่นซึ่งเป็นโรงเรือนที่เก็บสินค้า เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และร่วมกันชุมนุมหรือมั่วสุม ณ ที่ใด ๆ หรือกระทำการใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร่อยส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่และส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ตามที่ได้ประกาศตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. ๒๕๔๘
ผลคดี พนักงานอัยการได้ส่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง ๙ คน และได้ฟ้องนายสายชน แพบัว และนายพินิจ จันทร์ณรงค์ ต่อศาลอาญากรุงเทพใต้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ นัดสืบพยานพนักงานสอบสวนในวันที่ ๒๑,๒๓ สิงหาคม ๒๕๕๕ และได้ส่งฟ้องนายบี (นามสมมติ) และ นายเอ (นามสมมติ) ต่อศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสืบพยานโจทก์ นัดสืบพยานพนักงานสอบสวนในวันที่ ๓ สิงหาคม ๓ ๒๕๕๕
เนื่องจากมีสื่อมวลชนสอบถามความคืบหน้าใน ๒ คดีนี้ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงเห็นควรแถลงความคืบหน้าเพื่อทราบ และขอยืนยันข้อเท็จจริงว่า ผู้ต้องหารือจำเลยในคดีนี้ไม่ใช่ชายชุดดำที่มีการกล่าวอ้างกัน
