ย้อนรอยนาฬิกาหรู ‘บิ๊กป้อม’ ในวันที่สื่อนอกตีข่าว ‘ร่ำรวย’ ติดอันดับเอเชีย
ย้อนรอยนาฬิกาหรู ‘บิ๊กป้อม’ อีกครั้ง ในวันที่สื่อนอกตีข่าว ‘ร่ำรวย’ ติดอันดับเอเชีย เตรียมเอาผิดปล่อยข้อมูลเท็จ ขณะที่ยังเหลืออีก 1 สำนวน ในป.ป.ช. เจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท พบผิดโทษหนักกว่า จำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ในห้วงที่สังคมต้องหันมาสนใจอีกครั้งกับประเด็น 'นาฬิกาหรู' ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เเละรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยถูกนำมาเเชร์ต่อกันผ่านโลกออนไลน์ ภายหลังเว็บไซด์อินเวสติ้ง (www.investing.com) เผยเเพร่ข้อมูลระบุว่า พล.อ.ประวิตร มีรายชื่อเป็นบุคคลร่ำรวยระดับเศรษฐีของทวีปเอเชีย ทำให้พลโทคงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาโต้ตอบ ยืนยันเป็นข่าวปลอม เพราะพล.อ.ประวิตรมีทรัพย์สินเท่าที่เเจ้งไว้กับคณะกรรมการป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตเเห่งชาติ (ป.ป.ช.) หลังจากนี้จะเตรียมดำเนินการฟ้องร้องต่อไป
ทั้งนี้ หากย้อนกลับไป ปฏิเสธไม่ได้ว่า ปมนาฬิกาหรู ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช.ตีตก ยังเป็นรอยด่างติดตัวของพล.อ.ประวิตร ซึ่งสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ขอพาย้อนอดีตรื้อฟื้นประเด็นขึ้นมาอีกครั้ง
นาฬิกาหรูริชาร์ด มิลล์ รุ่น อาร์เอ็มศูนย์สองเก้า สนนราคาหลักล้านบาทที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมใส่ในวันร่วมถ่ายภาพหมู่คณะรัฐมนตรีเมื่อ 4 ธันวาคม 2560 เป็นหนึ่งใน 22 เรือน ที่ถูกขุดคุ้ยขึ้นถึงที่มา หลังจากไม่ปรากฎอยู่ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินที่ต้องแจ้งต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช.
กฎหมายกำหนดให้รัฐมนตรียื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินของตนเอง คู่สมรส บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ และทรัพย์สินที่มอบให้ผู้อื่นครอบครองหรือดูแล ต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. หากจงใจไม่ยื่นหรือยื่นเท็จหรือปกปิด มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งพ้นจากตำแหน่งและต้องเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี
พลเอกประวิตรอ้างว่า นาฬิกาหรูทั้งหมดนั้นไม่ใช่ของตนเอง แต่เป็นของเพื่อนสนิทที่ชื่อ ‘ปัฐวาท สุขศรีวงศ์’ เจ้าของอาณาจักรคอม-ลิงก์และเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเซนต์คาเบรียล กรณีที่เกิดขึ้นทำให้มีผู้ร้องเรียนไปยังสำนักงาน ป.ป.ช.ให้ไต่สวนข้อเท็จจริง
กระทั่งปลายปี 2561 คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติ 5 ต่อ 3 เสียง ยังไม่มีมูลเพียงพอว่าพล.อ.ประวิตร มีเจตนาจงใจไม่ยื่นหรือยื่นเท็จหรือปกปิดทรัพย์สินดังกล่าว เนื่องจากไม่มีพยานหลักฐานใดที่ยืนยันว่าเป็นของพล.อ.ประวิตร
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เสียงข้างมาก ยังเห็นว่า ควรยุติเพียงเท่านี้ เพราะพยานหลักฐานไปต่อไม่ได้ เนื่องจากต่างประเทศที่ขอความร่วมมือไปเห็นว่าการตรวจสอบทรัพย์สิน ไม่ใช่เป็นเรื่องทางอาญาตามกฎหมายประเทศนั้น จึงปฎิเสธไม่ให้ข้อมูล ดังนั้น เป็นกรณีที่ไม่เข้าข่ายกฎหมายความร่วมมือทางอาญาระหว่างประเทศ
สำหรับที่มีการนำไปเทียบกับคดีรถโฟล์คตู้สุพจน์ ทรัพย์ล้อมนั้น ข้อเท็จจริงต่างกัน เพราะรถโฟล์คตู้ มีการเลือกรุ่นเลือกสี ขอเลขทะเบียนให้ตรงกับรถคันอื่นในบ้าน บำรุงรักษาเอง อันแสดงเจตนาครอบครองหรือยึดถือไว้ตั้งแต่แรก ส่วนนาฬิกาหรู เป็นการหมุนเวียนใส่ และปฎิบัติกันมานานเป็นปกติในกลุ่มเพื่อนสนิท
แม้จะถูกตีตก แต่ยังมีอีกหนึ่งสำนวนที่อยู่ในกระบวนการไต่สวนคณะทำงานของ ป.ป.ช. คือ กรณีพลเอกประวิตรเข้าข่ายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐรับทรัพย์สินเกินสามพันบาท ตามกฎหมาย ป.ป.ช. ซึ่งที่จริงอันนี้โทษหนักกว่า หากมีความผิด จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 60,000 บาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งต้องรอว่า ท้ายที่สุด คณะกรรมการป.ป.ช. จะมีมติอย่างไรในประเด็นนี้
อ่านประกอบ:เลขาฯ ป.ป.ช.เล่ายิบ เบื้องหลังเหตุผลตีตกคดีนาฬิกาหรู‘บิ๊กป้อม’? (ดูคลิป)
คำต่อคำ #2 ‘ปรีชา’ ยันนาฬิกาหรู 'บิ๊กป้อม' เทียบคดีรถโฟล์คตู้ ‘สุพจน์’ ไม่ได้ (ดูคลิป)
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/