หอการค้าไทยติวเข้มสหกรณ์แนะปรับแก้กม.สู้เออีซี-เร่งผลักดันเป็นวาระแห่งชาติปีนี้
“ธีระ”หนุนศักยภาพสหกรณ์การเกษตรเพิ่มมาตรฐานขีดความสามารถสู้เวทีโลก หอการค้าไทยแนะเร่งปรับแก้กม.สหกรณ์เปิดทางแข่งขันอาเซียน สันนิบาตฯเร่งผลักดันเป็นวาระแห่งชาติภายในปีนี้
เร็วๆนี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในวันสหกรณ์สากลที่จัดขึ้นที่สันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย ถ.พิชัย กรุงเทพฯว่าสหกรณ์เป็นแนวทางประชาธิปไตย สร้างสำนึกความเป็นเจ้าของให้สมาชิก ตรงกับหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สหกรณ์ในประเทศไทยนับถึงวันนี้มีการก่อตั้งมาเกือบ 100 ปี เป็นการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง หลายสหกรณ์ประสบความสำเร็จแต่ยังมีอีกหลายสหกรณ์ยังต้องแก้ไขและพัฒนา โดยการเข้าไปให้ความช่วยเหลือทำให้เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะสหกรณ์การเกษตรที่จะเข้าไปช่วยเหลือในด้านปัจจัยการผลิต เงินทุนในการเพิ่มรายได้ให้แก่สมาชิก
“ปัจจุบันการค้าขายมีการแข่งขันสูง ต้องมีการปรับตัวเพื่อเข้าร่วมประชาคมอาเซียน สินค้าเกษตรทุกชนิดต้องมีการปรับปรุงในเรื่องคุณภาพ เกษตรกรก็ต้องพัฒนาความสามารถ ตลอดจนดำเนินการภายใต้ภาพลักษณ์ที่ดีสร้างความน่าเชื่อถือในการแข่งขัน อีกทั้งเร่งผลักดันให้สหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ โดยสันนิบาติสหกรณ์ฯเป็นเจ้าภาพทำให้เกิดขึ้นเป็นจริงให้ได้ภายในปีนี้”
นายวิทูรย์ แนวพานิช ประธานกรรมการดำเนินการสันนิบาตสหกรณ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า กิจกรรมสหกรณ์ รัฐบาลให้ความสำคัญและรณรงค์การรวมกลุ่มสมาชิกมาอย่างต่อเนื่อง ในการเข้าสู่ประชาคมอาเซียน สหกรณ์มีความจำเป็นที่จะต้องปรับตัวและปรับกลยุทธ์การดำเนินงานให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงนอกเหนือจากนี้ปีนี้ยังเป็นปีแห่งการผลักดันสหกรณ์เป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งที่ผ่านมาได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำประชาพิจารณ์ไปแล้วทั่วทุกภาคของประเทศ คาดหวังจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปีนี้อย่างแน่นอน
นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าวถึงการพัฒนาสหกรณ์ไทย โอกาสและการปรับตัวสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนว่า ในส่วนของสหกรณ์ต้องเข้าไปดูกฎหมายสหกรณ์ว่ามีส่วนไหนบ้างที่เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันต้องมีการปรับแก้เพื่อให้เดินไปได้สะดวก ถ้าไม่เร่งแก้ไขในกฎระเบียบจะทำให้การแข่งขันสะดุดหรือไม่เท่าทันประเทศอื่น ผู้บริหารสหกรณ์ต้องเข้าไปดูมาตรฐานคุณภาพสินค้าประเทศอื่นว่าเขาทำกันอย่างไร ไม่ใช่ลอกเลียนแบบแต่นำมาเป็นแนวทางปรับปรุงแก้ไข เป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องขบคิดให้ละเอียด ถ้ากลัวสินค้าจากต่างประเทศเข้ามาตีตลาด ต้องเพิ่มขีดความสามารถเรื่องมาตรฐานให้สูงขึ้น นี่คือสิ่งที่สหกรณ์ต้องทำในโลกยุคใหม่
นอกจากนี้การปรับปรุงมาตรฐานต้องร่วมมือกันในกลุ่มสมาชิกสหกรณ์ให้เป็นห่วงโซ่ เกษตรกรผู้ผลิตคนแรกต้องรู้ว่าถ้าจะส่งออกต้องทำอย่างไร รวมทั้งสหกรณ์ต้องเข้ามาช่วยพัฒนาคนให้เป็นคนเก่ง ซึ่งต้องไปดูว่าเขาขาดอะไร เพื่อจะได้เติมเต็มให้ครบถ้วน ซึ่งต้องใช้เงิน ใช้เทคโนโลยีใช้องค์ความรู้ ให้สหกรณ์ประจำจังหวัดรับเป็นเจ้าภาพในการป้องกันตัวเองในการแข่งขันโดยให้ทำต่อเนื่อง
“การทำสินค้าที่ดีกว่าอาจเขียนกฎหมายในมาตรฐานสินค้าของไทยขึ้นมารองรับ คนที่จะเข้ามาก็ต้องทำตามมาตรฐานที่กฎหมายเขียนไว้ เมื่อทำได้แล้วก็ต้องเชื่อมต่อไปยังผู้บริโภค เมื่อทำอย่างนี้ไปได้ ประเทศไทยไม่แพ้ประเทศอื่น เมื่อทำแล้วต้องครบวงจร ทำได้ ผลิตได้ แข่งได้ และคนในเมืองไทยต้องกินได้สิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่สหกรณ์ของไทยต้องปรับตัวเพื่อรองรับอีก 2 ปีข้างหน้า” รองประธานกรรมการหอการค้าไทย กล่าว