หวั่นนายทุนรุกทำเลทองพะเยาทำธุรกิจยางพารา ชาวสวนรวมกลุ่มดันวิสาหกิจชุมชน
ชาวสวนยางพะเยา เผยรวมกลุ่มสร้างอำนาจต่อรองทำให้ผลผลิตราคาดี เดินหน้าตั้งสหกรณ์ชาวสวนยางในรูปแบบวิสาหกิจชุมชน ตัดวงจรเอาเปรียบพ่อค้าคนกลาง พัฒนาเป็นตลาดกลางเข้มแข็งเหมือนภาคใต้ แต่ยังหวั่นรัฐรีดภาษีนิติบุคคล นายทุนรุกทำเลทองปลูกยาง
นายประยูร ใจกว้าง ประธานกลุ่มตลาดประมูลยางพาราท้องถิ่นจังหวัดพะเยา กล่าวว่าหลังจากเกษตรกรชาวสวนยางได้รวมกลุ่มกันขายยางพารา ทำให้ยางพาราแผ่นดิบมีราคาสูงขึ้น เกษตรกรมีรายได้ดีขึ้น จึงมีแผนจัดตั้งวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์ชาวสวนยางพาราจังหวัดพะเยาเพื่อสร้างความเข้มแข็งในระบบการตลาดให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง ไม่ต้องประสบปัญหาถูกกดราคาจากพ่อค้าคนกลางอีก และหากสามารถรวมตัวและจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้แล้ว โอกาสจะได้รับการสนับสนุนงบประมาณหรือความช่วยเหลือใดๆจากรัฐบาลจะมีมากขึ้น
“แต่สิ่งที่กลุ่มเกษตรกรห่วงคือหากจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลแล้ว รัฐบาลจะรีดภาษีพวกเรา เพราะทุกวันนี้ในการประมูลตลาดยางพาราท้องถิ่น ผู้ที่ประมูลเพื่อส่งออกจะต้องเสียภาษียางพาราแผ่นดิบให้กับรัฐบาลกิโลกรัม ละ 5 บาท” นายประยูร กล่าว
ด้านนายเจตพร สังข์ทอง เกษตรกรหมู่ 6 ต.แม่ลาว อ.เชียงคำ จ.พะเยา กล่าวว่าเมื่อกลุ่มเกษตรกรมีข้อมูล เอกสารหลักฐานพร้อม ภายใน 2 วันสามารถจดทะเบียนจัดตั้งเป็นสหกรณ์ฯได้ทันที ระยะแรกอาจจะต้องหารือกันในกลุ่มผู้นำเกษตรกร เพื่อหาทางออกเรื่องทุนจดทะเบียน ทั้งนี้เมื่อมีแหล่งทุน มีการประชุมดำเนินการระหว่างขั้นตอนก่อนจดทะเบียนจนถึงความพร้อมทั้งหมด แล้วนำเอกสารหลักฐานส่งชุดผู้นำซึ่งเป็นว่าที่คณะกรรมการสหกรณ์ ฯ เข้าดำเนินการจดทะเบียน ส่วนเรื่องภาษีจะเป็นมาตรการต่อไปที่จะต้องหารือและเสนอให้รัฐบาลพิจารณาปรับลดเพื่อไม่ให้เกษตรกรถูกเอาเปรียบอีกต่อไป
“หลังจากที่สามารถจัดตั้งสหกรณ์ฯได้แล้ว การที่จะพัฒนาตลาดยางพาราจังหวัดพะเยา ให้เป็นตลาดกลางยางพาราในภาคเหนือ จนสามารถกำหนดราคากลางยางพาราได้เหมือนตลาดกลางทางภาคใต้ ไม่ใช่เรื่องเกินความสามารถอีกต่อไป” นายเจตพร กล่าว
ด้านนายนเรศ ฝีปากเพราะ นักวิชาการเกษตร สำนักงานเกษตรจังหวัดพะเยา กล่าวว่าขณะนี้อาชีพปลูกยางพาราสร้างรายได้หลักอีกทางหนึ่งให้แก่เกษตรกรพะเยา โดยเฉลี่ยเกษตรกรจะมีรายได้จากการกรีดยางพาราไร่ละ 200-300 บาทต่อวัน ทั้งเจ้าของสวนและแรงงานรับจ้างต่างอยู่ได้ ซึ่งภาครัฐก็ได้มีการส่งเสริมเกษตรกรปลูกยางพาราอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ราบและที่เนินดอย โดยมีข้อแนะนำเกษตรกรให้เลือกหาพันธุ์ยางพาราปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ราคายางพาราที่สูงขึ้นต่อเนื่องจนเป็นรายได้หลักของเกษตรกรชาว พะเยาและหลายจังหวัดทางภาคเหนือ ทำให้พื้นที่ดินทำกินในภาคเหนือกลายเป็นทำเลทองของนายทุนผู้ประกอบอาชีพยางพาราจากภาคใต้ ที่ขึ้นมาหาซื้อดินเพื่อปลูกยางพารา เพาะกล้ายาง รับซื้อแผ่นดิบ และจัดทำโรงงานธุรกิจยางพาราครบวงจร
นอกจากนี้ในพื้นที่ อ.เชียงคำ อ.จุน จ.พะเยา และ จ.เชียงราย ยังมีกลุ่มทุนขนาดใหญ่ เช่น บริษัทในเครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือ ซีพี , บ.บุญ รอด ฯ หรือ แม้แต่บริษัทไทยเบฟ ฯ รวมถึงบริษัทผลิตอาหารสัตว์รายใหญ่ ก็ได้มาซื้อที่และลงทุนประกอบกิจการเกี่ยวกับยางพาราทางภาคเหนือมากขึ้น เพราะพื้นที่จังหวัดพะเยาอนาคตมีแนวโน้มกลายเป็นแหล่งผลิตยางใหญ่แห่งหนึ่ง ในภาคเหนือและของประเทศด้วย
ที่มาภาพ : http://www.rakbankerd.com/agriculture/open.php?id=1342&s=tblplant