สปสช.ยืนยันผู้ป่วยสิทธิบัตรทองไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม หลัง รพ.รามาออกประกาศปรับระบบจ่ายยา
สืบเนื่องจากกรณีที่ รพ.รามาธิบดีออกประกาศปรับระบบการจ่ายยาตามสิทธิพื้นฐานสำหรับผู้ป่วยสิทธิ 30 บาทและสิทธิประกันสังคม กรณีใช้ยานอกสิทธิพื้นฐานต้องชำระค่ายาเอง และกรณีไม่สามารถชำระค่ายาได้ ให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเปลี่ยนยาตามสิทธิ หรือเพื่อส่งพบงานสังคมสงเคราะห์พิจารณา โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2562 เป็นต้นไป
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สิทธิประโยชน์ด้านยาและเวชภัณฑ์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือสิทธิบัตรทอง 30 บาทนั้น กำหนดไว้ว่าต้องไม่ต่ำกว่ายาในบัญชียาหลักแห่งชาติและยาที่มีค่าใช้จ่ายสูงตามประกาศของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ซึ่งการจ่ายยาให้ผู้ป่วยนั้นเป็นดุลยพินิจของแพทย์ตามข้อบ่งใช้ทางการแพทย์และแนวทางเวชปฏิบัติ และรายการยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาตินั้น ก็เป็นยาที่ผ่านการรับรองแล้วว่ามีประสิทธิผลและมีความปลอดภัยต่อผู้ป่วย ตลอดจนมีความคุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข
เลขาธิการ สปสช. กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม กรณีมีความจำเป็นต้องใช้ยานอกบัญชียาหลักซึ่งเป็นไปตามข้อบ่งใช้ทางการแพทย์อันเป็นไปตามเกณฑ์คุณภาพและมาตรฐานการรักษาพยาบาลนั้น ผู้ป่วยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่มซึ่งเป็นไปตาม พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ.2545 ในกรณีประกาศของโรงพยาบาลรามาธิบดีครั้งนี้ จากการประสานงานทราบว่าเป็นการปรับระบบสารสนเทศการบริหารจัดการยาของโรงพยาบาลเพื่ออำนวยความสะดวกให้แพทย์สั่งจ่ายยา ไม่ใช่การลดสิทธิของผู้ป่วยหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สิทธิบัตรทอง 30 บาท) ซึ่งที่ผ่านมาโรงพยาบาลรามาธิบดี รวมถึงโรงพยาบาลทุกแห่งก็ดูแลผู้ป่วยอย่างมีคุณภาพโดยไม่ได้นำปัจจัยค่ารักษาพยาบาลมาเป็นอุปสรรค โดยเฉพาะโรงพยาบาลที่เป็นโรงเรียนแพทย์นั้นมีทั้งบทบาทในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยควบคู่ไปกับการเรียนการสอนของนักศึกษาแพทย์ด้วย