อุตสาหกรรมโดดอุ้มเอสเอ็มอี-โอทอปประสบภัยน้ำท่วมจัดมหกรรมสินค้าปลายเดือนนี้
กระทรวงอุตสาหกรรม หนุนศักยภาพทุนรากหญ้า ช่วยผู้ประกอบการประสบปัญหาอุทกภัยปีที่ผ่านมา ผุดมหกรรมสินค้าเอสเอ็มอี-โอท็อปมากกว่า 200 ราย เพิ่มช่องทางจำหน่าย สร้างรายได้รับมือวิกฤติภัยธรรมชาติระลอกใหม่ ที่ศูนย์ประชุมฯสิริกิติ์ 20-22 ก.ค.
เร็วๆนี้ ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยผู้สื่อข่าวว่า จากเหตุการณ์มหาอุทกภัยปีที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจของไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี)และวิสาหกิจชุมชนหรือโอทอป มีผู้ลงทะเบียนยื่นความจำนงขอรับความช่วยเหลือจากกระทรวงอุตสาหกรรมมากกว่า 5,000ราย นอกเหนือจากการเร่งฟื้นฟูเยียวยากระบวนการผลิตของผู้ประกอบการในส่วนการซ่อมแซมโรงงาน เครื่องจักร อุปกรณ์ที่ได้รับความเสียหายจากปัญหาน้ำท่วมแล้ว การฟื้นฟูในส่วนของกระบวนการธุรกิจต่างๆ ก็เป็นเรื่องเร่งด่วนไม่แพ้กัน ดังนั้นกระทรวงอุตสาหกรรมจึงจัดงาน “Industry Tomorrow Expo 2012” ขึ้นภายใต้แนวคิดมองหน้า เดินหน้า เพื่อวันหน้า เพื่อประคับประคองช่วยเหลือให้ผู้ประกอบการสามารถฟันฝ่าและก้าวข้ามอุปสรรคที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการคลินิกอุตสาหกรรมเพื่อการฟื้นฟูสถานประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยของทางรัฐบาลเพื่อช่วย บรรเทาและฟื้นฟูสถานประกอบการ SMEs และ โอท็อปที่ได้รับผลกระทบทั่วประเทศรวม 30 จังหวัด ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
"การช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม นอกจากช่วยฟื้นฟูด้านเศรษฐกิจ ยังเป็นการช่วยลดปัญหาการว่างงานและปัญหาสังคมต่างๆ ที่อาจเกิดตามมา โดยแบ่งเป็นมาตรการทั้งระยะสั้น และระยะยาวบูรณาการให้ความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง อาทิ การซ่อมแซมปรับปรุงสถานประกอบการ การให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และการออกมาตรการสินเชื่อและภาษีเพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการ"
ดร.พสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า การจัดงานดังกล่าวจะมีการออกร้านแสดงและจำหน่ายสินค้าจากผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม รวมถึงสินค้าโอท็อปจากผู้ผลิตโดยตรงจำนวน 224 ราย โดยจัดแสดงบนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ซึ่งจะมีการให้บริการด้านข้อมูลข่าวสารและให้คำปรึกษาแนะนำแก่ผู้ประกอบการและประชาชนทั่วไป รวมทั้งการเจรจาธุรกิจ และการตลาดอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเพิ่มช่องทางการจำหน่ายสินค้า
“การจัดงานครั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยให้ผู้ประกอบกิจการมีช่องทางในการจัดจำหน่ายสินค้าเพื่อเพิ่มรายได้ สร้างเครือข่ายทางธุรกิจใหม่ๆ และยังเป็นการแสดงศักยภาพความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องแม้ต้องเผชิญกับภาวะวิกฤต อีกทั้งยังเป็นเวทีเผยแพร่องค์ความรู้ และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ จากนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ และนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการตลาด อีกทั้งยังเป็นการป้องกันและเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับปัญหาภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น โดยงานจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 20 – 22 ก.ค.55 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์" อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าว