บอร์ด สปสช.เห็นชอบ “ร่างประกาศกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพ” หนุน อบจ.ดูแลคนพิการ ผู้สูงอายุ
บอร์ด สปสช.เห็นชอบ “ร่างประกาศกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ” หนุน อบจ.ดูแลคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลันและผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง เข้าถึงบริการฟื้นฟูสมรรถภาพยิ่งขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพใช้จ่ายเงินกองทุน ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน
เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2562 ที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ ศ.คลินิก เกียรติคุณ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยที่ประชุมได้เห็นชอบ “ร่างประกาศคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติเรื่อง หลักเกณฑ์การดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัด พ.ศ. ....” เพื่อขับเคลื่อนกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดฯ ดูแลประชาชนให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยคณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างหลักประกันสุขภาพของทุกภาคส่วน สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) นำเสนอ
นางสาวสารี อ๋องสมหวัง ประธานคณะอนุกรรมการส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการสร้างหลักประกันสุขภาพของทุกภาคส่วน กล่าวว่า การสร้างการมีส่วนร่วมเป็นหลักการสำคัญในการสร้างหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ตามมาตรา 47 พ.ร.บ.หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2545 ระบุให้มีการส่งเสริมกระบวนการมีส่วนร่วมตามความพร้อม ความเหมาะสม และความต้องการของประชาชนในท้องถิ่น โดยร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ที่ผ่านมาจึงได้มีการจัดตั้ง “กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดฯ” เพื่อให้คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ที่อยู่ในระยะที่จำเป็นต้องได้รับการฟื้นฟูสมรรถภาพในเขตพื้นที่จังหวัด ได้รับบริการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์และอุปกรณ์เครื่องช่วยความพิการ เกิดการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบบริการในครอบครัว ชุมชน และหน่วยบริการระดับเขตจังหวัด
ทั้งนี้ “กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพระดับจังหวัดฯ” เริ่มนำร่องปี 2552 ในพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญและอุบลราชธานี ดำเนินการในรูปแบบกองทุนรวมโดยกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติและองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ในสัดส่วน 100 : 40 ต่อมาได้ปรับเป็นอัตราสมทบเท่ากัน 100:100 จนถึงปัจจุบันมี อบจ.ร่วมจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ แล้วจำนวน 42 แห่ง
นางสาวสารี กล่าวว่า ตลอด 10 ปีในการดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ แม้ว่าหลายพื้นที่จะดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ แต่เพื่อให้สอดคล้องตามระเบียบและประกาศกระทรวงมหาดไทยที่มีการปรับเปลี่ยน อาทิ ระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการตั้งงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อสมทบกองทุน. พ.ศ. 2561, ประกาศคณะกรรมการกระจายอำนาจให้แก่ อปท.เรื่อง กำหนดกิจการที่เป็นผลประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ให้เป็นอำนาจและหน้าที่ อปท.ด้านการดูแลผู้สูงอายุในภาวะพึ่งพิง พ.ศ. 2561 เป็นต้น และเพื่อเพิ่มความชัดเจนการดำเนินงานกองทุน สนับสนุนบทบาท อปท.ทำหน้าที่ผู้ดำเนินงานกองทุนให้สอดคล้องมาตรา 47 รวมถึงดำเนินการตามข้อเวทีรับฟังความเห็นทั่วไปปี 2560 จึงได้มีการปรับปรุงประกาศหลักเกณฑ์การดำเนินงานกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ
ด้าน นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวว่า สาระสำคัญที่ทำการปรับปรุงในร่างประกาศกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ มี 5 ประเด็น คือ 1.นิยามกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจน คือ คนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง 2.เพิ่มความชัดเจนกำหนด อบจ.เป็นผู้ดำเนินงานและบริหารจัดการกองทุน 3.การใช้จ่ายเงินกองทุนฯ ให้อยู่ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการกองทุน 4.เพิ่มองค์ประกอบคณะกรรมการกองทุนเป็น 21 คน จาก 18 คน โดยเพิ่ม นพ.สสจ. ผู้แทนเครือข่ายภาคประชาชนเป็นกรรมการ เพิ่มผู้แทนเครือข่ายคนพิการเป็นกรรมการเป็น 3 คน จาก 1 คน และเจ้าหน้าที่ อบจ.ด้านงานคลังเป็นกรรมการ และ 5.กำหนดการจัดทำบัญชีและรายงานกองทุนฯ ตามรูปแบบที่ สปสช.กำหนด
สำหรับ กองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ เป็นการดำเนินงานเพื่อดูแลให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพโดยร่วมกับ อบจ. โดยกระบวนการแก้ไขประกาศ สปสช.ได้ดำเนินการร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น พร้อมเปิดเวทีรับฟังความเห็น อบจ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การปรับปรุงประกาศเป็นไปอย่างรอบคอบและรอบด้าน ผลที่จะเกิดขึ้นจากร่างประกาศกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ ฉบับนี้ นอกจากทำให้การใช้จ่ายงบประมาณกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพฯ เกิดประสิทธิผลสูงสุดแล้ว ยังส่งผลให้กลุ่มเป้าหมายทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยที่อยู่ในระยะกึ่งเฉียบพลัน และผู้ที่มีภาวะพึ่งพิงเข้าถึงบริการฟื้นฟูฯ ที่จำเป็นทั้งในหน่วยบริการและชุมชนได้มากขึ้น เป็นการดูแลคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชน นับเป็นอีกก้าวหนึ่งของการพัฒนาระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ