แดงเถือก! สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ไม่มีอากาศดีสักที่
ยิ่งกว่าเมื่อวาน สถานการณ์หมอกควันภาคเหนือ ไม่มีอากาศดี พบ 14 พื้นที่ ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ
วันที่ 31 มีนาคม กรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ หมอกควันทางภาคเหนือ เมื่อเวลา 09.00 น. พบว่า ค่าฝุ่นละอองเพิ่มขึ้นจากเมื่อวานเกือบทุกพื้นที่ เมื่อเปรียบเทียบในช่วงเวลาเดียวกัน คุณภาพอากาศมีค่าอยู่ในเกณฑ์ปานกลาง – มีผลกระทบต่อสุขภาพ โดยพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นสีแดง 14 พื้นที่ (คุณภาพอากาศมีผลกระทบต่อสุขภาพ) สีส้ม 2 พื้นที่ (คุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ) และสีเหลือง 1 พื้นที่ (คุณภาพอากาศปานกลาง)
ค่า PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 43 - 353 มคก./ลบ.ม. (มาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม.)
ค่า PM10 เฉลี่ย 24 ชั่วโมง มีค่าระหว่าง 77 – 394 มคก./ลบ.ม. (มาตรฐานไม่เกิน 120 มคก./ลบ.ม.)
กรมควบคุมมลพิษขอความร่วมมือประชาชนในพื้นที่ งดการเผาในที่โล่งเพื่อป้องกันการเพิ่มสูงขึ้นของฝุ่นละอองอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่ประชาชนอยู่ในพื้นที่ที่ปริมาณฝุ่นละอองมีผลกระทบต่อสุขภาพ ขอให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและการทำกิจกรรมกลางแจ้ง สวมใส่หน้ากากป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก ประชาชนทั่วไปและกลุ่มเสี่ยงควรเฝ้าระวังสังเกตอาการผิดปกติ เช่น ไอบ่อย หายใจลำบาก หายใจถี่ หายใจไม่ออก ใจมีเสียงวี้ด ใจสั่น คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ แน่นหน้าอก ให้รีบพบแพทย์ ผู้มีโรคประจำตัวควรเตรียมยาและอุปกรณ์ที่จำเป็นอย่างน้อย 5 วัน
ทั้งนี้ สามารถติดตามสถานการณ์คุณภาพอากาศได้ทางเว็บไซต์ http://air4thai.pcd.go.th และแอพลิเคชั่น air4thai และติดตามข่าวสารการดำเนินงานแก้ไขปัญหาหมอกควัน 9 จังหวัดภาคเหนือได้ทาง www.pcd.go.th
อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้ พันเอก อธิสิทธิ์ ไชยนุวัติ ผู้ช่วยโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นห่วงประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือหลังได้รับรายงานว่า มีปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กเกินค่ามาตรฐานในระดับสูงโดยเฉพาะที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งมีค่ามลภาวะในอากาศติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลกหลายวันต่อเนื่อง
"นายกฯ สั่งการให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย และ จ.เชียงใหม่ รวมถึงจังหวัดที่วิกฤตอื่น ๆ ไปพิจารณาหาแนวทางยกระดับการแก้ไขปัญหาร่วมกันโดยด่วน ส่วนประชาชนก็จะต้องให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ด้วย"
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สาเหตุสำคัญของปัญหา หมอกควันและฝุ่นในภาคเหนือมาจากไฟป่า ซึ่งเกิดขึ้นได้เองทุกปีตามธรรมชาติเนื่องจากอากาศแห้ง รวมทั้งเกิดจากการเผาวัชพืชของประชาชน โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างหนัก มีการแจ้งเตือน การบังคับใช้กฎหมาย และการลดปริมาณฝุ่นและหมอกควัน ซึ่งทราบว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บจากการเข้าไปร่วมดับไฟด้วย
สำหรับมาตรการที่ จ.เชียงใหม่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้คือ การควบคุมไฟป่าซึ่งมีพื้นที่กว้างอย่างต่อเนื่อง การฉีดพ่นละอองน้ำรอบคูเมืองเชียงใหม่ และกระจายออกสู่ถนนวงแหวนรอบนอก การจัดพื้นที่เซฟตี้โซน ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติฯ และในทุกอำเภอ เพื่อให้ประชาชนใช้พักผ่อน หลีกเลี่ยงปัญหาฝุ่นจากภายนอก เป็นต้น