เช็คชื่อ 'นักการเมือง -อดีตขรก.' 7 ราย ที่ยังไม่ได้ถูกเรียกคืนเครื่องราชฯ เหมือน 'ทักษิณ'
"...เมื่อนับรวมรายชื่อทั้งหมดจะอยู่ที่ 7 ราย คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, บุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล , มนัส สร้อยพลอย, วัฒนา อัศวเหม, ประชา มาลีนนท์, น.ส.นฤมล หรือณัฐกมล หรือณฐกมล หรืออินทร์ริตา นนทะโชติ หรือนนทะวัชรศิริโชติ ..."
เมื่อวันที่ 30 มี.ค. 2562 ที่ผ่านมา ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ เรื่อง เรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เนื่องจากถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาถึงที่สุดลงโทษจำคุก และยังมีข้อหาฐานอื่น ๆ อีกหลายคดี อีกทั้งได้หลบหนีออกนอกราชอาณาจักร ซึ่งเป็นพฤติการณ์การกระทำที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
โดยเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ที่ถูกเรียกคืนประกอบไปด้วย (1.) เครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ฝ่ายหน้า ชั้นทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ (2.)เครื่องราชอิสริยาภรณ์ อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก ประถมาภรณ์ช้างเผือก จัตุรถาภรณ์ช้างเผือก (3.) เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย จัตุรถาภรณ์มงกุฎไทย เบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (4.) เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่สรรเสริญยิ่งดิเรกคุณาภรณ์ ชั้นปฐมดิเรกคุณาภรณ์ และเหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1 (อ่านประกอบ : โปรดเกล้าฯเรียกคืนเครื่องราชฯ'ทักษิณ' ถูกศาลจำคุก หลบหนีคดี พฤติการณ์ไม่เหมาะสม)
อนึ่งเกี่ยวกับกรณีการเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ของ นายทักษิณ ชินวัตร นั้น
ในช่วงปี 2558 สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เคยนำข้อมูลมาเสนอไปแล้ว ว่า ตามขั้นตอนทางกฎหมาย นายทักษิณ ชินวัตร จะต้องถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์
เนื่องจากกระทำความผิดเข้าข่ายระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ พ.ศ.2548 ซึ่งตราขึ้นโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 11 (8) แห่ง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534
ในข้อที่ 2, 3 ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า เป็นผู้ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ และเป็นผู้ต้องคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินเพราะร่ำรวยผิดปกติหรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นผิดปกติ หรือเพราะกระทำความผิดตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน
(อ่านประกอบ : ต้องลงโทษคนที่ไม่ยอมเสนอถอดยศ-เรียกคืนเครื่องราชฯ”ทักษิณ”)
อย่างไรก็ดี สำหรับรายชื่อนักการเมือง ที่อยู่ในข่ายที่จะต้องถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ เช่นเดียวกับ นายทักษิณ นั้น
สำนักข่าวอิศรา เคยตรวจสอบพบว่า มีอีกอย่างน้อย 4 ราย ด้วยกัน คือ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ “ภูมิ สาระผล” อดีต รมช.พาณิชย์ และ “มนัส สร้อยพลอย” อดีตอธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศ
โดยยึดข้อกำหนดตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตเรียกคืนเครื่องราชฯ ดังนี้
1. ระเบียบดังกล่าว กำหนดเหตุแห่งการเรียกคืนเครื่องราชฯ ไว้ ทั้งหมด 8 ข้อด้วยกัน ซึ่งมีข้อหนึ่งที่เข้าเหตุ “ยิ่งลักษณ์-บุญทรง-ภูมิ-มนัส” ได้แก่
ข้อที่ 6 ระบุว่า เป็นผู้ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งที่ดำรงอยู่เพราะมีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ส่อว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ในการยุติธรรม หรือจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย
2. “ยิ่งลักษณ์-บุญทรง-ภูมิ-มนัส” ต่างถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด ทั้งในทางถอดถอน และคดีอาญา แบ่งเป็น
หนึ่ง “ยิ่งลักษณ์” กรณีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าว
ป.ป.ช. เห็นว่า มีพฤติการณ์เป็นการส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 178 และส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งกฎหมายตาม พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการแผ่นดินฯ มาตรา 11 (1) อันเป็นเหตุแห่งการถอดถอนออกจากตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญฯ มาตรา 270 ซึ่งมีมูลเพียงพอที่จะดำเนินการส่งให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอนต่อไปได้
ต่อมาที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปฏิบัติหน้าที่แทนวุฒิสภา ได้ดำเนินการถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยมีมติเสียงข้างมาก 190 เสียง ให้ถอดถอน ซึ่งคะแนนเกินกว่า 3 ใน 5 ของ สนช. ทั้งหมด 220 ราย ทำให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี
ส่วนในทางอาญา มีมูลความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ฐานเป็นเจ้าหน้าทีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และเป็นความผิดตาม พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ จึงส่งรายงาน และสำนวนให้อัยการสูงสุด (อสส.) ส่งฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้รับพิจารณาคดีนัดแรกไปแล้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมา และได้นัดตรวจพยานหลักฐานนัดแรกในวันที่ 21 และ 28 ก.ค. 2558
สอง “บุญทรง-ภูมิ-มนัส” กรณีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยมิชอบ
ป.ป.ช. เห็นว่า ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 พร้อมกับส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนให้แก่อัยการสูงสุด (อสส.) และส่งให้วุฒิสภาดำเนินการถอดถอน
ต่อมาที่ประชุม สนช. ปฏิบัติหน้าที่แทนวุฒิสภา ได้ดำเนินการถอดถอน นายบุญทรง นายภูมิ และนายมนัส โดยมีมติเสียงข้างมาก 182 เสียง 180 เสียง และ 158 เสียง ตามลำดับ ซึ่งคะแนนเกินกว่า 3 ใน 5 ของ สนช. ทั้งหมด 220 ราย ทำให้ทั้งหมดถูกถอดถอนออกจากตำแหน่ง และถูกเว้นวรรคทางการเมือง 5 ปี
ส่วนในทางอาญา กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ พ.ศ.2542 (พ.ร.บ.ฮั้ว) และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 เช่นกัน จึงส่งรายงาน และสำนวนให้ อสส. ฟ้องต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
ปัจจุบันคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีล็อตแรก ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก บุญทรง-ภูมิ-มนัส ว่ามีความผิดตามกฎหมายไปแล้ว
ส่วน น.ส.ยิ่งลักษณ์ อยู่ระหว่างการหลบหนีคดีในต่างประเทศ
สำหรับเครื่องราชฯของ “ยิ่งลักษณ์” ที่จะต้องถูกเรียกคืน ได้แก่
1.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
2.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
3.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นประถมาภรณ์ช้างเผือก (ป.ช.)
4.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นเบญจมาภรณ์ช้างเผือก (บ.ช.)
5.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.
6.เหรียญลูกเสือสดุดี ชั้นที่ 1
ของ “บุญทรง” ได้แก่
1.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฏ (ม.ว.ม.)
2.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้น มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
ของ “ภูมิ” ได้แก่
1.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันเป็นที่เชิดชูยิ่งช้างเผือก ชั้นมหาปรมาภรณ์ช้างเผือก (ม.ป.ช.)
2.เครื่องราชอิสริยาภรณ์อันมีเกียรติยศยิ่งมงกุฎไทย ชั้นมหาวชิรมงกุฎ (ม.ว.ม.)
นอกจากนี้ ยังมีกรณีที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุกอดีตนักการเมืองใหญ่อย่าง ‘วัฒนา อัศวเหม’ อดีต รมช.มหาดไทย ถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี ฐานร่วมสนับสนุนทุจริตการก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียคลองด่าน เมื่อปี 2551
และกรณี ‘ประชา มาลีนนท์’ อดีต รมช.มหาดไทย ถูกศาลตัดสินจำคุก 12 ปี และ พล.ต.ต.อธิรักษ์ ตันชูเกียรติ อดีต ผอ.สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. ถูกศาลตัดสินจำคุก 10 ปี ฐานร่วมสนับสนุนทุจริตในโครงการจัดซื้อรถ-เรือดับเพลิง กทม. เมื่อปี 2556 ด้วย
ซึ่งทั้งสองรายหลบหนีไปต่างประเทศเรียบร้อย ก่อนหน้ามีคำพิพากษาศาล !
รวมไปถึงกรณีล่าสุดเมื่อปี 2557 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์กว่า 68 ล้านบาท ของ น.ส.นฤมล หรือณัฐกมล หรือณฐกมล หรืออินทร์ริตา นนทะโชติ หรือนนทะวัชรศิริโชติ ข้าราชการฝ่ายการเมือง ประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฐานร่ำรวยผิดปกติ ลูกสาว พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ ซึ่งเป็นคนสนิทของ ‘บิ๊กจิ๋ว’ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ก็เข้าข่ายตามข้อ 6 ของระเบียบดังกล่าวด้วย (อ่านประกอบ : 9 'บิ๊กการเมือง-อดีต ขรก.'ถูกศาลสั่งคุก-สนช.ถอด ยังไม่ถูกเรียกคืนเครื่องราชฯ)
เมื่อนับรวมรายชื่อทั้งหมดจะอยู่ที่ 7 ราย คือ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร, บุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล , มนัส สร้อยพลอย, วัฒนา อัศวเหม, ประชา มาลีนนท์, น.ส.นฤมล หรือณัฐกมล หรือณฐกมล หรืออินทร์ริตา นนทะโชติ หรือนนทะวัชรศิริโชติ
ที่ยังไม่ได้ถูกเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์แบบเดียวกับ 'นายทักษิณ' ในขณะนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/