ประหารมือฆ่า'เจ๊สายันต์' ยกฟ้อง'สจ.สระแก้ว-นายกเต่า'
ศาลจังหวัดสระแก้วพิพากษาประหารชีวิต "ไอ้โละ" มือฆ่า "เจ๊สายันต์-เสี่ยกวง" คำรับสารภาพเป็นประโยชน์ ลดโทษเหลือ จำคุกตลอดชีวิต ส่วน สจ.สระแก้ว และ นายกเล็กคลองหาดกับพวก ศาลให้ยกฟ้อง เหตุพยานหลักฐานไม่เพียงพอ
จากกรณีคดีฆาตกรรม นางสายันต์ จันทา อายุ 64 ปี หรือ “เจ๊สายันต์” เจ้าของตลาดโรงเกลือ และ นายพิพัฒน์ ตั้งพงศ์ทอง อายุ 71 ปี หรือ "เสี่ยกวง" สามีของนางสายันต์ เสียชีวิตภายในบ้านพักหรู ในช่วงค่ำวันที่ 29 มกราคม 2561 ที่ผ่านมาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แกะรอยจากกล้องวงจรปิดภายในบ้านที่เกิดเหตุจนสามารถจับกุม นายวิชัย พุ่มเรือง หรือ ต่อ พนักงานเทศบาลตำบลคลองหาด ซึ่งเป็นผู้ต้องหา 1 ใน 4 ที่ตำรวจระบุว่าปรากฏภาพอยู่ในกล้องวงจรปิดขณะที่ภรรยานายต่อออกมาร้องเรียนผ่านสื่อว่าสามีไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว
ต่อมา ตำรวจภูธรภาค 2 และภูธรจังหวัดสระแก้ว สภ.คลองหาดสนธิกำลังทหารเข้าจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติม คือ ร.อ.สุเทพ มากสาคร นายกเทศมนตรีตำบลคลองหาด, ร.อ.ทองวราห์ มากสาคร สจ.สระแก้ว, นพรุจ รุประมาณ และวิชิต อินทร์แก้ว หรือ โละ ขณะที่นายเจีย และนายลุน ชาวกัมพูชายังอยู่ระหว่างการหลบหนี แต่ทั้งนี้ผู้ต้องหาส่วนหนึ่งได้รับการประกันตัวมาเพื่อขอต่อสู่คดีที่ถูกกล่าวหาโดยยืนยันทุกชั้นสอบสวนว่าไม่มีส่วนรู้เห็นเกี่ยวข้องทำให้ครอบครัวผู้เสียชีวิตหวั่นวิตกเรื่องความปลอดภัย จึงได้ให้นายษิทราเบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ เข้ามาช่วยเหลือในเรื่องของคดี
เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เมื่อ วันที่ 28 มี.ค. ศาลจังหวัดสระแก้วได้มีคำพิพากษาในคดีที่พนักงานอัยการจังหวัดสระแก้วเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวิชัย พุ่มเรือง, นายนพรุจ รุประมาณ, นายวิชิต อินทร์แก้ว, รอ.สุเทพ มากสาคร นายกเทศมนตรีคลองหาด อ.คลองหาด จ.สระแก้ว, รอ.ทองทศมากสาคร สมาชิกสภาจังหวัดสระแก้ว และนางมณีรัตน์ โกทันย์ (หรือเจ้เยาว์) ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-6 ในควาผิดฐานร่วมกันจ้างวานฆ่า และฆ่าผู้อื่นตายโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน และพ.ร.บ.อาวุธปืน โดยทั้งหมดเดินทางมาศาล เมื่อถึงเวลาศาลอ่านคำพิพากษาตัดสินว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 , 2 , 4 , และ 5 เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอจะเอาผิดได้
ส่วนจำเลยที่ 3 กระทำผิดตามฟ้องจริงพิพากษาประหารชีวิต คำให้การเป็นประโยชน์ลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต พร้อมชำระค่าเสียหายจำนวน 2 ล้าน 5 หมื่นบาท และจำเลยที่ 6 ให้ลงโทษจำคุก 6 เดือนข้อหาพกพาอาวุธปืนโดยไม่ได้รับอนุญาตศาลลดโทษเหลือ 4 เดือน พร้อมยื่นประกันตัวเพื่ออุทธรณ์คดีต่อไป หลังฟังคำพิพากษาแล้วเสร็จ นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความฝ่ายโจทย์และญาติผู้เสียชีวิต ได้เดินทางออกจากศาลทันที โดยไม่ยอมเปิดเผยกรณีการตัดสินดังกล่าว
ขณะที่ ร.อ.สุเทพมากสาคร เปิดเผยว่า ต้องขอขอบคุณศาลที่ให้ความยุติธรรม เนื่องจากตนสู้มาตลอดตั้งแต่ต้น และไม่เคยเครียดกับคดีนี้ เพราะรู้ว่าไม่ได้เป็นคนทำ หรือไปจ้างวานใครทั้งสิ้น แม้คนรอบ ๆ ข้างจะเอาไปพูดว่าเป็นเรื่องการเมือง การเงิน การยืมเงิน ยืนยันว่าไม่เคยมีความขัดแย้งกัน และไม่เคยทะเลาะกัน หลังจากนี้คดีผ่านไปแล้วก็จะไม่ฟ้องใครกลับ ปัจจุบัน ยังดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีอยู่แต่หมดวาระไปแล้ว ก็ไม่คิดจะกลับไปเล่นการเมืองอีก อยากกลับไปทำธุรกิจส่วนตัวมากกว่า
ด้านนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายฝ่ายจำเลยที่ 4 และที่ 5 กล่าวว่าเบื้องต้นต้องขอบคุณศาลที่เปิดโอกาสให้เราได้นำพยานหลักฐานและก็ดำเนินกระบวนการพิจารณาเสร็จสิ้นหลังจากนี้เชื่อว่าทางโจทย์และโจทย์ร่วมจะอุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นต่อฝ่าย เราก็มีหน้าที่ที่จะแก้คำอุทธรณ์ของโจทย์และโจทย์ร่วมทั้งหมดก็ยังอยู่ในกระบวนการขึ้นสู่ศาลสูงแต่อย่างไรก็ดีพวกเราก็พยายามที่จะนำเสนอพยานหลักฐานโจทย์มาตลอดเวลา เรื่องนี้ก็เชื่อว่าก่อนที่จะมารับคดีเราก็เชื่อว่าจำเลยของเราเป็นผู้บริสุทธิ์ เมื่อเข้าสู่กระบวนการพิสูจน์แล้วก็ต้องน้อมรับคำพิพากษาของศาล.
ที่มาข่าว : https://dailynews.co.th/crime/701133