เปิดบันทึกอดีตผู้ว่าฯชัยภูมิ ชี้ปมทุจริตจัดซื้อหนังสือเสริมการเรียน อบจ. ก่อน จี้ ป.ป.ช.ฟัน
“...ผมเองในฐานะเคยรับราชการมาก่อนมีความเห็นใจที่ราชการผู้ปฏิบัติซึ่งได้รับความกดดันจากผู้บริหารระดับสูงหรือนักการเมืองท้องถิ่น จึงเรียนท่านกรรมการฯได้โปรดเร่งดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งทราบว่าท่านเองได้ดำเนินการตั้งอนุกรรมการสอบสวนไปแล้ว...”
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำเสนอข้อร้องเรียนจากนายธวัช สุวุฒิกุล อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และอดีตสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ขอให้ติดตามความคืบหน้าคดีทุจริตการจัดซื้อหนังสือเสริมการเรียนและสื่อการเรียนการสอนขององค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)หลายแห่งที่ทาง ป.ป.ช.ได้ดำเนินการสอบสวน จนถึงขณะนี้ไม่มีข้อมูลว่าการสอบสวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีความคืบหน้าอย่างไร ทั้งที่ เมื่อ ม.ค.2552 ได้ทำหนังสือถึงกรรมการ ป.ป.ช.แจ้งข้อมูลการทุจริตและให้ดำเนินการเอาผิดกับเอกชนที่เป็นคู่สัญญาจัดซื้อจัดจ้าง (อ่านประกอบ : จี้ ป.ป.ช.เคลียร์คดี อบจ.ทุจริตจัดซื้อหนังสือเสริมการเรียน อดีตผู้ว่าฯชี้ช่องฟันเอกชน )
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงบันทึกข้อความที่นายธวัช สุวุฒิกุล ส่งถึง นายประสาท พงษ์ศิวาภัย กรรมการ ป.ป.ช. เมื่อวันที่13 ม.ค. 2552 มารายงาน
การขอความเป็นธรรมของ นายกฤษณ์ ฉัตรมานพ หจก.กมลวรรณนครสวรรค์ ขอให้สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ พิจารณาตามเอกสาร
ข้อพิจารณา
ผมพิจารณาการตรวจสอบข้อเท็จจริงของผู้ตรวจราชการ กระทรวงมหาดไทย และการทำงานของอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (นายสมพร ใช้บางยาง) ในขณะนั้นเห็นว่ามีความขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง โดยคณะของผู้ตรวจจากกระทรวงมหาดไทย เห็นว่ากรณีการจัดซื้อของ อบจ.นครสวรรค์ เข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 ในขณะที่อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นรายงานต่อ รมช. มท. ว่าไม่พบหลักฐานการจัดซื้อที่เกี่ยวกับความผิดตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว
ในส่วนของการขอความเป็นธรรมต่อสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตินั้น ขอเรียนว่าสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีหน้าที่ในการเสนอความคิดเห็นต่อรัฐบาลทางเศรษฐกิจและสังคม แม้จะเป็นองค์กรที่สะท้อนปัญหาประชาชน แต่กรณีการขอความเป็นธรรมลักษณะร้องเรียน ทางคณะทำงาน ด้านความยุติธรรมฯของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ มีความเห็นอาจไม่ใช่หน้าที่ของสภาฯโดยตรง แต่เก็บไว้เป็น
ข้อมูล
ผมเองในฐานะสมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เห็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญต่อการใช้งบประมาณของท้องถิ่นและปัญหาการทุจริตในวงราชการ โดยเฉพาะความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือ กม.ฮั้ว กล่าวคือ การแก้ไขปัญหาการทุจริตนั้นจะต้องพิจารณาทั้งเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือท้องถิ่นและผู้ให้การสนับสนุนให้มีการกระทำผิดต่อกรณีดังกล่าว ตามข้อเท็จจริงที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบ ความผิดคงตกอยู่กับเจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการ แต่นักการเมืองท้องถิ่น หรือผู้บริหารระดับสูงกลับไม่ต้องรับผิดชอบ ซึ่งผมเห็นว่าไม่เป็นธรรม ยิ่งไปกว่านั้น การที่จะแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ผลอย่างแท้จริง กม.ฮั้ว ฉบับดังกล่าวก็สามารถเอาผิดกับบริษัทหรือเอกชนที่เข้าไปมีส่วนในการทำผิดในฐานะผู้สนับสนุน จึงควรดำเนินการกับผู้ให้การสนับสนุนอย่างเคร่งครัดและจริงจัง
ผมเองในฐานะเคยรับราชการมาก่อนมีความเห็นใจที่ราชการผู้ปฏิบัติซึ่งได้รับความกดดันจากผู้บริหารระดับสูงหรือนักการเมืองท้องถิ่น จึงเรียนท่านกรรมการฯได้โปรดเร่งดำเนินการเรื่องนี้ ซึ่งทราบว่าท่านเองได้ดำเนินการตั้งอนุกรรมการสอบสวนไปแล้ว
ด้วยความเคารพ
ธวัช สุวุฒิกุล
สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
13 มกราคม 2552
สำหรับ หจก.กมลวรรณนครสวรรค์ ตามที่ปรากฎในบันทึกฉบับนี้ ชื่อเต็ม คือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด กมลวรรณ นครสวรรค์ 2540 จดทะเบียนวันที่ 20 มกราคม 2540 ทุน 500,000 บาท จำหน่ายเครื่องเขียนและแบบพิมพ์ (หนังสือตำราเรียน) ที่ตั้งเลขที่ 65 ถนนมาตุลี ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์ นายกฤษณ์ ฉัตรมานพ เป็นหุ้นส่วนผู้จัดการ
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/