ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง 'ชนม์สวัสดิ์' ระบุไม่มีเจตนาปฏิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีจ้างเอกชนขนขยะ 5 ปี
“ชนม์สวัสดิ์” รอดคดีจ้างเอกชนขนขยะเทศบาลนครสมุทรปราการ 5 ปี ศาลอุทธรณ์ ยืนตามศาลชั้นต้นยกฟ้อง ระบุยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาจงใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบฯ เจ้าตัวยิ้มปัดให้ความเห็นเกี่ยวกับคดี และสถานการณ์การเลือกตั้งในพื้นที่
เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (21 มี.ค.) ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ซ.สีคาม ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์แผนกคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ คดีที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 1 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายชนม์สวัสดิ์ หรือ เอ๋ อัศวเหม อายุ 50 ปี อดีตนายกเทศบาลนครสมุทรปราการ และนางบารนี เลิศไพศาล อายุ 66 ปี ข้าราชการบำนาญเป็นจำเลยที่ 1-2 เป็นจำเลยในความผิดฐาน ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์สินใดๆ ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริต เป็นการเสียหายแก่รัฐ เทศบาล สุขาภิบาล ระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5-20 ปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 2,000-40,000 บาท และผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหาย แก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 -20,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
สืบเนื่องจากการทำสัญญาโครงการจัดซื้อจัดจ้างเก็บขยะมูลฝอย เมื่อปี 2546 ในเขตพื้นที่ของเทศบาลนครสมุทรปราการ ซึ่งขณะนั้น นายชนม์สวัสดิ์ จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่ง นายกเทศบาลนครสมุทรปราการ ส่วน นางบารนี เลิศไพศาล ดำรงตำแหน่งปลัดเทศบาลนครสมุทรปราการ โดยคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติเมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 60 ชี้มูลความผิดทั้งสอง ว่าทำสัญญาจ้างกับบริษัทเอกชน เพื่อเก็บขน ขยะมูลฝอย ที่กำหนดระยะเวลาตามสัญญาจ้างเป็นเวลา 5 ปีติดต่อกัน โดยให้เข้าดำเนินการเป็นประจำทุกวันตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค. 2546 และกำหนดวิธีการจ่ายเงินค่าจ้างเป็นรายเดือนๆ ละ 2,145,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 128,700,000 บาท
ซึ่งการกำหนดเช่นนั้น ถือว่าเป็นการก่อหนี้ผูกพันงบประมาณเกินกว่า 1 ปีงบประมาณโดยมิชอบตามระเบียบระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีงบประมาณขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พ.ศ. 2541 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2543 ข้อ 38 เนื่องจากมิใช่เป็นโครงการประเภทที่ดินและสิ่งก่อสร้าง และมิได้รับอนุมัติจากผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ขณะที่ นายชนม์สวัสดิ์ และนางบารนี ชี้แจงว่าเทศบาลนครสมุทรปราการ สามารถก่อหนี้ผูกพันเกินกว่า 1 ปีงบประมาณได้ในทุกหมวดรายจ่ายและทุกโครงการ ตามนัยข้อ 38 วรรคแรก ของระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยวิธีการงบประมาณฯ และเทศบาลนครสมุทรปราการได้ดำเนินการเป็นไปตามระเบียบกฎหมายครบถ้วนทุกประการแล้ว
โดยชั้นพิจารณาของศาลอาญาคดีทุจริตฯ จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธต่อสู้คดี และได้ประกันตัวระหว่างการพิจารณา
ขณะที่เมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2561 ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง มีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง เนื่องจากพิเคราะห์พยานหลักฐานจากการไต่สวนพยานทั้งสองฝ่ายแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กับเทศบาลนครสมุทรปราการ ตีความการบังคับใช้ระเบียบแตกต่างกัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวยังไม่มีการวินิจฉัยชี้ขาดจากผู้มีอำนาจตีความตามกฎหมาย ดังนั้น ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดตามฟ้อง ต่อมา อัยการโจทก์ ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยทั้งสอง ซึ่งวันนี้ นายชนม์สวัสดิ์ ได้เดินทางมาถึงศาลตั้งแต่ 09.00 น. ด้วยสีหน้าเรียบเฉย พร้อมฟังคำพิพากษา
ศาลอุทธรณ์พิเคราะห์พยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าการที่จำเลยทั้ง 2 ทำความเห็นเกี่ยวกับข้อพิพาทในคดีนั้น ยังมองไม่เห็นเจตนาแฝงและยังฟังไม่ได้ว่ามีเจตนาจงใจ ที่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบฯ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ดังนั้นที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษายกฟ้องจำเลยมานั้น ศาลอุธรณ์ฯ เห็นพ้องด้วย พิพากษายืน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังฟังคำพอพากษาแล้ว นายชนม์สวัสดิ์ เพียงยิ้มไม่ตอบนักข่าวเมื่อสัมภาษณ์เกี่ยวกับคดี
ขณะที่เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าการหาเสียงในพื้นที่สมุทรปราการเป็นอย่างไรบ้าง นายชมน์สวัสดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้ตนดูแต่เพียงสโมสรฟุตบอลสมุทรปราการ ซิตี้ เพียงอย่างเดียว พร้อมกับฝากสื่อมวลชนติดตามเชียร์และเป็นกำลังใจให้ด้วย ก่อนเดินทางกลับในทันที