ไทยพีบีเอสจัดดีเบตฟังเสียงประชาชน “วาระประชาชน กำหนดอนาคตประเทศไทย”
ไทยพีบีเอส ร่วมกับภาคีเครือข่าย ได้แก่ สถาบันพระปกเกล้า, สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI), มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.), สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล, มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (PNET), สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย, สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย เปิด“ศูนย์อำนวยการวาระเลือกตั้ง 62” เพื่อผนึกกำลังจัดเวทีใหญ่ “วาระประชาชน กำหนดอนาคตประเทศไทย”
เวทีที่จะนำเสียงประชาชนจากทุกเวทีภูมิภาคและกรุงเทพมหานครฯ กว่า 20 เวที ส่งตรงถึง (ว่าที่) นายก จาก 7 พรรคการเมือง ได้แก่ พรรคชาติพัฒนา พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคอนาคตใหม่ พรรคเพื่อไทย พรรคเศรษฐกิจใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย ในวันที่ 15 มี.ค. 2562 ณ Convention Hall ชั้น 2 สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ถนนวิภาวดีรังสิต ถ่ายทอดสดทางไทยพีบีเอสช่องดิจิทัล หมายเลข 3 และ Facebook LIVE ทาง ThaiPBSFan ตั้งแต่เวลา 16.30-20.00 น.
ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส รศ.ดร.วิลาสินี พิพิธกุล กล่าวว่า เวทีดีเบตครั้งใหญ่ของไทยพีบีเอสมีความน่าสนใจโดดเด่น เพราะเป็นการรวบรวมโจทย์จากเสียงที่แท้จริงของประชาชน โดยการทำงานร่วมกันของภาคีศูนย์อำนวยการวาระเลือกตั้ง 62 ที่ได้ร่วมกันจัดเวทีฟังเสียงประชาชนจากทั่วประเทศกว่า 20 เวที ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา เพื่อสังเคราะห์เป็นนโยบายจากประชาชน ร่วมกับภาควิชาการและพันธมิตร ซึ่งในช่วงโค้งสุดท้ายนี้ไทยพีบีเอสได้รวบรวมนโยบายต่าง ๆ เข้ากับข้อมูลเชิงสถิติ สกัดเป็น 5 ประเด็น ได้แก่ ประเด็นด้านเศรษฐกิจ ด้านการเมือง ด้านการศึกษา ด้านสังคมสวัสดิการ ด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมือง รวบรวมเป็นโจทย์ให้พรรคการเมืองตอบเข้าสู่เวทีดีเบตครั้งใหญ่ในวันที่ 15 มีนาคม และไทยพีบีเอสจะจับตาการทำงานของพรรคการเมืองหลังการเลือกตั้งวันที่ 24 มีนาคมที่จะถึงนี้ด้วยเพื่อรายงานแก่ประชาชนต่อไป ตามแนวคิดที่ว่า “ให้เสียงประชาชนไปไกลกว่าการเลือกตั้ง”
ในวันที่ 15 มีนาคม ไทยพีบีเอสจัดเวทีใหญ่ “วาระประชาชน กำหนดอนาคตประเทศไทย” ที่จะนำเสียงประชาชน ส่งตรงถึง (ว่าที่) นายก จาก 7 พรรคการเมือง โดยเป็นเวทีที่รวบรวมและสกัดนโยบายจากเสียงประชาชนต่างๆ จากเวทีในภูมิภาค และเวทีร่วมกับเครือข่ายศูนย์อำนวยการวาระเลือกตั้งในกรุงเทพฯกว่า 20 เวที ได้เป็นนโยบายที่น่าสนใจ 5 นโยบาย ได้แก่ นโยบายด้านเศรษฐกิจ (ความเหลื่อมล้ำ การลงทุนภาครัฐและการจัดสรรทรัพยากร ปัญหาภาคการเกษตร) นโยบายด้านการเมือง (ปฏิรูประบบราชการและการปกครองส่วนท้องถิ่น คอร์รัปชั่น ความมั่นคงใหม่) นโยบายด้านการศึกษา (การจัดการศึกษา คุณภาพการศึกษา บุคลากร) นโยบายด้านสังคมสวัสดิการ (สังคมสูงวัย ระบบสวัสดิการ บริการสุขภาพและประกันสังคม ความยากจน) และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาเมือง (ภัยพิบัติ มลพิษ การพัฒนาเมือง) โดยในเวทีครั้งนี้ผู้ชมจะได้ฟังวิสัยทัศน์ของ 7 พรรคการเมือง ได้แก่ 1. วราวุธ ศิลปอาชา พรรคชาติไทยพัฒนา 2. สุวัจน์ ลิปตพัลลภ พรรคชาติพัฒนา 3. ศิริกัญญา ตันสกุล พรรคอนาคตใหม่ 4. นพดล ปัทมะ พรรคเพื่อไทย 5. มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ พรรคเศรษฐกิจใหม่ 6. เกียรติ สิทธีอมร พรรคประชาธิปัตย์ 7. ภราดร ปริศนานันทกุล พรรคภูมิใจไทย ร่วมด้วยทีมนักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญที่จะแสดงความคิดเห็นต่อนโยบายพรรคการเมือง ได้แก่ ดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดี คณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.กนกรัตน์ เลิศชูสกุล คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงการวิเคราะห์กระแสจากสื่อสังคมออนไลน์แบบเรียลไทม์ และบริการพิเศษ ภาษามือแบบเต็มจอสำหรับผู้พิการทางการได้ยิน