ศาลรับฟ้องคดีปาล์มอินโดโยง'ปปช.'สร้างหลักฐานเท็จ
ศาลคดีทุจริตรับฟ้อง "นิพิฐ" ยื่นฟ้องผู้บริหาร PTTGE กับ 4 เจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. โยง "รสยา" ให้สินบนผู้ร่วมลงทุนอินโดฯ ร่วมมือสร้างหลักฐานเท็จคดีปาล์ม
รายงานข่าวระบุว่า วันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 มีคำสั่งรับฟ้องไว้พิจารณาคดีหมายเลขดำที่ อท.1/2562 ที่นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนางรสยา เธียรวรรณ ผู้บริหารบริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) เป็นจำเลยที่ 1 กับพวกอีก 4 คน ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ประกอบด้วย นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ ,นายสิญภพ หรือ สชญช์ รูปเตี้ย ,นางสาววิไลลักษณ์ ศรีสุขใส และนายอัครกิตติ์ กีรติธนาไชยยศ
ฟ้องในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จ ฝ่าฝืนประมวลจริยธรรม ป.ป.ช. และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 โดยศาลฯได้พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 1 และการฟ้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พ.ศ.2559 มาตรา 15 จึงรับฟ้องไว้พิจารณา
คดีนี้สืบเนื่องจากนายนิพิฐ ยื่นฟ้องนางรสยาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ว่า เดือน ส.ค.2560 นางสาวสุภา ป.ป.ช.ผู้รับผิดชอบสำนวน และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานได้ร่วมปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ (นายนิพิฐ) โดยนางสาวสุภา ผู้รับผิดชอบสำนวนคดีที่โจทก์ถูกกล่าวหา และเป็นหัวหน้าคณะเดินทางไปสอบข้อเท็จจริงที่อินโดนีเซียพร้อมเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ได้กระทำเป็น กระบวนการหรือสนับสนุนให้นางรสยานำถุงสินบนไปให้นายเบอร์ฮันนุดดิน ผู้ร่วมลงทุนโครงการพีทีเคพีไอเพื่อจูงใจให้นายเบอร์ฮันนุดดิน ให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง
นางสาวสุภาและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ร่วมเดินทางไปอินโดนีเซีย กับนางรสยา จึงมีส่วนรู้เห็นกับนางรสยานำเงิน หรือทรัพย์สินไปติดสินบนพยาน เพื่อชี้นำให้พยานให้ถ้อยคำบิดเบือนข้อเท็จจริง สร้างพยานหลักฐานเท็จใส่ร้ายโจทก์ ก่อนที่นางสาวสุภาผู้รับผิดชอบสำนวนและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.จะเข้าสอบสวนนายเบอร์ฮันนุดดิน 2 วัน การเดินทางไปสอบสวนข้อเท็จจริงนายเบอร์ฮันนุดดิน ที่อินโดนีเซีย ได้รับรู้รับทราบเป็นอย่างดีว่านางรสยา เป็นผู้ถูกกล่าวหาต่อคณะกรรมการป.ป.ช. ในคดีอาญาว่ามีส่วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์โดยตรงกับคดีทุจริตปาล์มน้ำมันอินโดนีเซีย ยังทราบว่านางรสยา ถูกโจทก์ฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางหลายคดีในข้อหา เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ปลอมเอกสาร แจ้งความเท็จ ดังนั้นการให้นางรสยา ซึ่งเป็นผู้ถูกกล่าวหาต่อ ป.ป.ช.และเป็นจำเลยคดีอาญาหลายคดีมีส่วนเกี่ยวข้องในการสอบสวนพยาน และเดินทางไปอินโดนีเซียช่วงเดียวกันกับคณะสอบสวนข้อเท็จจริง และช่วยเหลือให้ผู้กระทำความผิดไม่ให้ต้องรับโทษ และช่วยเหลือโดยตรงแก่นางรสยา กับพวกในการสร้างพยานหลักฐานเท็จในอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ สำนักงาน ป.ป.ช.ส่งคำถามล่วงหน้าให้นายเบอร์ฮันนุดดิน ผ่านหน่วยงาน KPK (ป.ป.ช.ประเทศอินโดนีเซีย) เพื่อให้พยานตอบคำถามหลายคำถาม รวมทั้งต่อมาเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2560 นางสาวสุภา และเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.ได้พิมพ์คำตอบหรือคำให้การที่นายเบอร์ฮันนุดดิน ให้การไว้เป็นภาษาอังกฤษเพื่อให้นายเบอร์ฮันนุดดิน ลงนาม แต่นายเบอร์ฮันนุดดินไม่ยอมลงลายมือชื่อ ซึ่งเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช.มาพบ นายเบอร์ฮันนุดดิน อีก 2 ครั้ง ให้ลงลายมือชื่อในเอกสาร
การฟ้องครั้งนี้ ฟ้องได้เฉพาะเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. 4 คน ยกเว้นนางสาวสุภา ต้องยื่นเรื่องผ่านทางประธานรัฐสภาเพื่อเสนอเรื่องให้ประธานศาลฎีกาพิจารณาตั้งผู้ไต่สวนอิสระ ถ้าเห็นว่ามีมูลให้ส่งสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางสาวสุภา เพื่อขอความเห็นแต่นางสาวสุภา ไม่ได้รับสาย