ชายแดนใต้วุ่นต่อ รัฐรับป่วนใต้ขยายพื้นที่ โยง "PATANI 110"
สถานการณ์ปั่นป่วนในจังหวัดภาคใต้ตอนล่างยังไม่สงบ ช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 11 มี.ค.62 มีเหตุลอบวางระเบิด และก่อกวนอีกหลายเหตุการณ์ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยฝ่ายความมั่นคงฟันธงชัดเจนแล้วว่า เหตุป่วนในช่วงนี้เกิดขึ้นในวาระครบ 110 ปี "สนธิสัญญาแองโกล-สยาม"ที่ฝ่ายขบวนการแบ่งแยกดินแดนจุดประเด็นมาก่อนหน้านี้
ตั้งแต่เมื่อคืนวันอาทิตย์จนถึงช่วงเช้าวันจันทร์ (10-11 มี.ค.62) มีป้ายผ้าเขียนข้อความเกี่ยวกับ "PATANI 110" และการพ่นสีบนถนนด้วยข้อความคล้ายๆ กัน กระจายอยู่ในจังหวัดยะลา ปัตตานี และนราธิวาส
ป้ายผ้าเขียนเป็นภาษามลายู แปลเป็นไทยได้ว่า "110 ปีการจำนองชาติพันธุ์ปาตานี" ส่วนการพ่นสีบนถนนด้วยข้อความสั้นๆ "PATANI 110" ก็สื่อความหมายเดียวกัน
การพ่นสีข้อความนี้ มีมาตั้งแต่ปลายเดือน ก.พ.ต่อเนื่องถึงต้นเดือน มี.ค. เป็นการสร้างกระแสในวาระครบ 110 ปี สนธิสัญญาแองโกล-สยาม ที่ลงนามกันระหว่างอังกฤษกับไทย (เมื่อครั้งที่ยังใช้ชื่อประเทศว่าสยาม) เมื่อวันที่ 10 มี.ค.2452 หรือ ค.ศ.1909 (110 ปีที่ผ่านมา) สนธิสัญญาฉบับนี้มีสาระสำคัญแบ่งแยกดินแดนมลายูออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่กับสยาม ซึ่งรวมถึงปัตตานีด้วย อีกส่วนหนึ่งอยู่กับอังกฤษ ไดแก่ ไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู ปะลิส และเคดาห์ สนธิสัญญาฉบับนี้เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ "ปัตตานี" เปลี่ยนสถานะจากรัฐอิสระ และประเทศราชของสยาม กลายเป็นส่วนหนึ่งของสยามอย่างสมบูรณ์ กระทั่งมีสถานะเป็นเพียงจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยในปัจจุบัน
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแจ้งเตือนของฝ่ายความมั่นคงว่าจะมีการก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ชายแดนใต้ ในวันที่ 10 มี.ค. ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 110 ปีสนธิสัญญาแองโกล-สยาม แต่ปรากฏว่าในวันที่ 10 มี.ค.แทบไม่มีเหตุรุนแรงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีเพียงการพบวัตถุต้องสงสัยที่หน้าโรงเรียนรือเสาะวิทยา อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ซึ่งเจ้าหน้าที่ควบคุมเหตุการณ์เอาไว้ได้ แต่ขณะเดียวกันก็ไปมีเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.สตูล และพัทลุง ซึ่งเป็นพื้นที่ต่อเนื่องกับสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แทน
นอกจากนั้นช่วงเช้าของวันจันทร์ที่ 11มึ.ค. ยังมีเหตุลอบวางระเบิดทหารพรานชุดลาดตระเวนเดินเท้าที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส ทำให้ ส.ท.มาฮัมหมัด ยูโซ๊ะ อายุ 37 ปี สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4808 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย และยังพบวัตถุต้องสงสัยที่ อ.แว้ง จ.นราธิวาส ที่บ้านโสร่ง ต.เขาตูม อ.ยะรัง จ.ปัตตานี รวมถึงกระสอบปุ๋ยซุกใต้ม้านั่งหินอ่อนใน ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา แต่บางจุดเมื่อนำกำลังไปตรวจสอบพบว่าเป็นระเบิดปลอม
ช่วงสายวันเดียวกัน คนร้ายใช้มีดจี้ชิงรถจักรยานยนต์ของผู้หญิงคนหนึ่ง ขณะขับขี่อยู่บนถนนใน อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี เป็นรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีแดง ป้ายทะเบียนปัตตานี ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังติดตามไล่ล่า เนื่องจากเกรงว่าจะนำไปประกอบระเบิดและนำไปก่อเหตุในย่านชุมชน
ส่วนเหตุระเบิดกว่าสิบจุดที่ จ.สตูลและพัทลุงนั้น เบื้องต้นฝ่ายความมั่นคงสรุปฟันธงแล้วว่า เกี่ยวโยงกับกลุ่มขบวนการก่อความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ขยายพื้นที่ก่อเหตุออกมา โดยอาศัยวาระ 110 ปีสนธิสัญญาแองโกล-สยาม เป็นเงื่อนไขในการปฏิบัติการ
สำหรับเหตุระเบิดนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น มีมาตลอด 15 ปีที่มีสถานการณ์ไฟใต้ โดยส่วนใหญ่เป็นระเบิดในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจสำคัญที่สุดของภาคใต้ตอนล่าง
ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่เคยมีการลอบวางระเบิด ก็เช่น ย่านรามคำแหง ปากซอยรามคำแหง 43/1 กรุงเทพฯ ก็เคยเกิดระเบิดเมื่อปี 56 คดีนี้จับกุมมือระเบิดได้หลายคน และศาลตัดสินจำคุกคนละหลายสิบปี คดีถึงที่สุดไปแล้ว นอกจากนั้นในปี 58 ยังเคยเกิดเหตุคาร์บอมบ์ ที่ห้างเซ็นทรัลเฟสติวัล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ปี 59 มีระเบิดเกือบ 20 จุดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ตั้งแต่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ลงไปถึงสุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ภูเก็ต
และล่าสุดเมื่อปลายปี 61 ที่ผ่านมา ก็เพิ่งเกิดระเบิดที่ชายหาดสมิหลา อ.เมือง จ.สงขลา รวมทั้ง อ.บางกล่ำ กับ อ.ควนเนียง จ.สงขลาด้วย โดย อ.ควนเนียง ก็เป็นพื้นที่รอยต่อกับ อ.ปากพะยูน จ.พัทลุง ที่เกิดระเบิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 10 มี.ค.
หลังเกิดระเบิดนอกพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกครั้ง เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมักให้ข่าวแบบคลุมๆ ไม่ฟันธงว่า ชนวนเหตุมาจากความขัดแย้งทางเมือง หรือภัยแทรกซ้อนที่ผสมโรงกับไฟใต้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ยอมรับตรงๆ ว่ากลุ่มป่วนใต้ขยายพื้นที่ก่อเหตุ
-----------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
ถอดรหัส PATANI 110 กับสนธิสัญญาอังกฤษ-สยาม รับรองอธิปไตยไทยเหนือปาตานี?
บึ้มสตูล-พัทลุงพบหลักฐานโยงชายแดนใต้ สงสัยปม 110 - ป่วนการเมือง
บึ้มสตูล-พัทลุงคนร้ายชุดเดียวกัน รัฐตั้ง 3 ปม "การเมือง-ไฟใต้-ภัยแทรกซ้อน"