เทียบนโยบาย 3 พรรค "ประชาธิปัตย์ ประชาชาติ อนาคตใหม่" ลุยหาเสียงชายแดนใต้
ช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค.62 ก่อนการเลือกตั้ง ส.ส.เพียง 20 กว่าวัน พรรคการเมืองอย่างน้อย 3 พรรคลงพื้นที่หาเสียงในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ สร้างสีสันของประชาธิปไตยในดินแดนปลายด้ามขวาน
เริ่มจากวันศุกร์ที่ 1 มี.ค. ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมงาน เดินทางไปจังหวัดนราธิวาส โดยลงเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนราธิวาส ปรากฏว่ามีนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายมารอต้อนรับและถ่ายรูปกับหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่จำนวนมาก แม้บางคนยังไม่สามารถใช้สิทธิ์เลือกตั้งครั้งแรกได้ แต่ก็อาสาเป็นผู้สังเกตการณ์หน่วยเลือกตั้งให้กับพรรค เพื่อสกัดกั้นการทุจริต
จากการสอบถามบรรดานักศึกษาที่มารอต้อนรับธนาธร ทุกคนยืนยันตรงกันว่าไม่เห็นด้วยกับเสียงครหาว่ามาตามกรี๊ดหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ตามกระแส เพราะจริงๆ แล้วพวกตนพูดคุยกันเรื่องการเมือง และศึกษานโยบายของพรรค ตลอดจนติดตามการดีเบตเวทีต่างๆ มาโดยตลอด
"ธนาธร" จัดใหม่งบดับไฟใต้ ชู 3 นโยบายแก้ขัดแย้ง
จากนั้นธนาธรพร้อมทีมงานขึ้นรถแห่เข้าเมืองนราธิวาส เป้าหมายอยู่ที่หาดนราทัศน์ซึ่งเป็นจุดตั้งเวทีปราศรัย โดยมีประชาชนจำนวนมากไปรอต้อนรับ
บนเวที หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ได้แนะนำตัวผู้สมัครของพรรคทั้ง 4 เขต และปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเมืองคือเรื่องของอำนาจ เป็นอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรของประเทศ และบริหารจัดการงบประมาณว่าควรจะนำไปใช้อะไร เช่น จะเอาไปสร้างรถไฟฟ้าอย่างเดียว หรือจะนำมาพัฒนาพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้, จะนำไปซื้อเรือดำน้ำ หรือจะนำไปพัฒนาโรงเรียนทั่วประเทศให้ดีขึ้น
ช่วงค่ำวันเดียวกัน ธนาธรพร้อมแกนนำพรรคยังได้เปิดปราศรัยอีก 1 เวทีที่อำเภอเมืองปัตตานี โดยใช้พื้นที่ลานจอดรถของตลาดกรีนมาร์เก็ต ถนนเจริญประดิษฐ์ หรือถนนสาย ม.อ.
วันเสาร์ที่ 2 มี.ค. ธนาธรพร้อมแกนนำพรรค ลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเมืองยะลา โดยแต่งกายตามอัตลักษณ์มลายู สร้างความสนใจให้กับผู้พบเห็น ตลอดจนนักเรียนนักศึกษาโบกมือทักทายเป็นจำนวนมาก
สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่พรรคอนาคตใหม่เสนอ คือ 1.พัฒนาเศรษฐกิจในพื้นที่ให้ดีขึ้น ส่งเสริมอุตสาหรรมผลิตนมแพะ และอาหารฮาลาล 2.การเจรจาทางการทูต และ 3.การยุติการรวมศูนย์อำนาจ แล้วใช้การเมืองนำการทหาร
"อภิสิทธิ์" ลั่นปลุกราคายาง-ปาล์ม-ปชป.พรรคสุจริต
ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค นำทีมลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ 2 มี.ค. เพื่อช่วยลูกพรรคหาเสียง มีการเปิดเวทีปราศรัยที่สนามฟุตบอลหญ้าเทียม แอลซอคเกอร์ปาร์ค อำเภอสุไหงโก-ลก จังหวัดนราธิวาส โดยมีประชาชนมาร่วมรับฟังประมาณ 2,000 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีแฟนคลับไปรอมอบดอกกุหลาบให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก พร้อมถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
นายอภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้พี่น้องประชาชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ ดูใบหน้าของผู้สมัครให้ดีๆ เพราะมีผู้สมัครของพรรคหลายคนย้ายไปอยู่พรรคอื่น ประการสำคัญอย่าเลือกเพราะเห็นแก่ญาติ ขอให้รักญาติเหมือนเดิมแต่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ เพราะเป็นพรรคที่เลือกเดินเส้นทางสุจริต
"เราจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้ดีขึ้น ยางพาราต้องราคากิโลกรัมละ 60 บาท ปาล์มต้องราคากิโลกรัมละ 4 บาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยทำได้มาแล้ว ส่วนกรณีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเราไม่เลิก แต่จะเพิ่มจำนวนเงินให้มากขึ้น แถมสามารถนำไปซื้ออะไรก็ได้ ไม่มีการกำหนดกฏเกณฑ์เหมือนที่ทำอยู่" อภิสิทธิ์ กล่าวบนเวทีปราศรัย ซึ่งมีประชาชนปรบมือและส่งเสียงเชียร์เป็นระยะ
ห้วหน้าพรรคประชาธิปัตย์ย้ำด้วยว่า การจะลงคะแนนเสียงของประชาชนทุกเสียงให้คำนึงไว้ 3 ประการ คือ ท่านเลือก ส.ส. ท่านเลือกพรรคประชาธิปัตย์ และท่านเลือกนายกรัฐมนตรี พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคเป็นนายกรัฐมนตรีมา 4 คนแล้ว ไม่เคยถูกตั้งข้อหาโกงกิน ทุจริต หรือรวมตัวเดินประท้วงขับไล่
จากนั้น อภิสิทธิ์ ได้เดินทางต่อไปพบปะพี่น้องประชาชนในเขตอำเภอเมืองนราธิวาส และปราศรัยย้ำกับผู้สนับสนุนว่า จะฟื้นแนวทางการเมืองนำทางทหาร สร้างความร่วมมือจากทุกหน่วยงาน ไม่เทน้ำหนักไปให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเหมือนที่ผ่านมา
ตอกย้ำปัญหาประมง มาตรการรัฐปฏิบัติไม่ได้
ช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. พรรคประชาธิปัตย์เปิดปราศรัยอีก 1 เวที ที่สนามกีฬาโรงเรียนเบญจมราชูทิศ อำเภอเมืองปัตตานี เพื่อแนะนำตัวผู้สมัครทั้ง 4 เขต
อภิสิทธิ์ ปราศรัยตอนหนึ่งถึงปัญหาประมง โดยเฉพาะมาตรการเข้มของรัฐบาลที่สร้างปัญหาให้กับชาวประมงปัตตานี และประมงตามจังหวัดชายทะเลทุกจังหวัด โดยบอกว่า ได้ติดตามเรื่องประมงอย่างใกล้ชิดตั้งแต่ต้น เพราะเริ่มต้นจากต่างประเทศที่มองว่าประมงไทยมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องการใช้แรงงาน ขาดการรายงาน ขาดการควบคุม (ไอยูยู ฟิชชิ่ง ของสหภาพยุโรป) ก็ได้ต่อสู้ในเรื่องนี้มาโดยตลอด และยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น แต่รัฐบาลชุดนี้เกิดความกลัว จึงออกกฎหมายใช้บังคับกับชาวประมงซึ่งปฏิบัติจริงแทบไม่ได้ ทำให้ชาวประมงไม่สามารถออกเรือได้ตามปกติ เพราะถ้าออกเรือแล้วจะมีความผิดร้ายแรง ทำให้ชาวประมงรับไม่ได้ และไม่ใช่เฉพาะชาวประมงที่เดือดร้อน แม่ค้าในตลาดที่ขายปลาก็เดือดร้อน เนื่องจากราคาปลาแพงขึ้น
ดันเลือกตั้งผู้ว่าฯ ปวงประชาเป็นใหญ่ แก้ความไม่สงบ
ส่วนการแก้ปัญหาความไม่สงบ ต้องให้ประชาชนและหน่วยงานทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม
"เหมือนที่ผมเคยทำเรื่อง ศอ.บต. (ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้) ตามกฎหมายให้ตั้งสภาที่ปรึกษาการบริหารและการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ เอาเรื่องการพัฒนามานำ ส่วนฝ่ายความมั่นคงท่านก็ทำหน้าที่ของท่านไป มาเสริมการพัฒนาได้ยิ่งดี เช่น ผมเอาทหารช่างมาสร้างถนนที่ทิ้งงานกันเพราะปัญหาความไม่สงบ แต่ต้องกลับมาฟังประชาชน ประชาชนต้องเป็นใหญ่ แต่เท่านั้นยังไม่พอ ต้องประชาธิปไตยที่สุจริต เพราะถ้ามีการทุจริต คอร์รัปชั่น ใช้อำนาจโดยไม่ชอบ สุดท้ายก็มีความขัดแย้ง ตอบโต้ด้วยความรุนแรง" หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าว
อภิสิทธิ์ ปราศรัยอีกตอนหนึ่งว่า ปัญหาหนึ่งที่แก้ไม่ได้เลยถ้าไม่สุจริต คือปัญหายาเสพติด ทำไมปราบเท่าไหร่ก็ไม่หมด เพราะในที่สุดปฏิเสธไม่ได้ว่าคนของรัฐมีส่วนเกี่ยวข้อง ถือว่าไม่สุจริตในการแก้ปัญหา ฉะนั้นจะต้องกลับมาแก้เรื่องการทำงานที่สุจริต ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมาย มีการถ่วงดุลกัน ถึงจะแก้ปัญหายาเสพติดได้
ส่วนที่มีการมองกันว่าการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ สุดท้ายจะนำไปสู่เขตปกครองพิเศษนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปราศรัยประเด็นนี้เช่นกัน โดยบอกว่า พรรคมีนโยบายกระจายอำนาจที่ชัดเจน ส่วนหนึ่งของการให้ประชาชนเป็นใหญ่ก็คือการเลือกผู้ว่าราชการจังหวัด ให้จังหวัดจัดการตนเอง ซึ่งเรื่องนี้จะทำทั่วประเทศอยู่แล้ว และแนวทางนี้จะเป็น ส่วนช่วยอย่างสำคัญในการแก้ปัญหาของความไม่สงบที่เกิดขึ้นด้วย
ประชาชาติประกาศแก้ยากจน แปรงบมั่นคงเป็นพัฒนา
อีกพรรคหนึ่งที่ลงพื้นที่ชายแดนใต้เช่นกันช่วงสุดสัปดาห์แรกของเดือน มี.ค. คือพรรคประชาชาติ นำโดย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรค และ พล ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ รองหัวหน้าพรรค ได้พาผู้สมัครของพรรคหาเสียงในจังหวัดปัตตานี โดยเดินสายพบปะประชาชนตามหมู่บ้านและตำบลต่างๆ เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนและรับฟังปัญหาความเดือดร้อนของชาวบ้าน ทั้งในอำเภอยะรัง อำเภอเมือง อำเภอยะหริ่ง อำเภอหนองจิก และอำเภอโคกโพธิ์
พ.ต.อ.ทวี กล่าวถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ของพรรคประชาชาติ ที่จะเน้นด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ความยุติธรรม เท่าเทียม และคำนึงถึงอัตลักษณ์
"ปัญหาหลักของจังหวัดชายแดนภาคใต้คือปัญหาความยากจน หากเอางบประมาณความมั่นคง 2 หมื่นกว่าล้านบาทมาให้ประชาชนจะมีค่ามากกว่า ต้องให้ฝ่ายความมั่นคงตระหนักว่า ความมั่นคงกับความสุขสงบของประชาชนเป็นเรื่องเดียวกัน ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วมในทุกปัญหา ถ้าทำให้กฎหมายพิเศษต่างๆ อาจไม่ต้องมีก็ได้"
ส่วนเรื่องการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ พ.ต.อ.ทวี ย้ำว่า ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องเดินหน้าต่อไป แต่จะไม่ผูกขาดการพูดคุยไว้ที่ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง เพราะเมื่อเกิดเหตุ ประชาชนคือคนรับทุกข์
"ต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ไม่ผูกขาดเฉพาะกลุ่ม การแก้ปัญหาต้องให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม นำปัญหาของประชานมาแก้ เชื่อว่าประชาชนจะมีความหวัง การเลือกตั้งครั้งนี้ขอให้ทุกคนจำพรรคประชาชาติ เลือกพรรคเราไปแก้ปัญหาประเทศ เพื่อการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง เพราะเราทำจริง" เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าว
เปิด 7 นโยบาย เบี้ยสูงอายุเดือนละ 3 พัน
ต่อมา พ.ต.อ.ทวี พร้อมด้วย นายนัจมุดดิน อูมา โฆษกพรรคประชาชาติ และผู้สมัคร ส.ส.นราธิวาส ลงพื้นที่ตลาดตันหยงมัส อำเภอระแงะ ตลาดสดอำเภอยี่งอ และเขตเทศบาลตำบลยี่งอ รวมทั้งเขตเทศบาลตำบลบาเจาะ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส เพื่อพบปะพูดคุัยกับพี่้น้องประชาชน
สำหรับนโยบายของพรรคประชาชาติมี 7 ข้อหลักๆ คือ
- เรียนฟรีถึงปริญญาตรี แก้หนี้ กยศ.
- รักษาพยาบาลฟรี
- 1 ท้องถิ่น 1 นักเรียนนอก
- แก้ปัญหาไฟใต้ โดยประชาชนทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม
- เบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน
- พหุวัฒนธรรม ประชาชนเท่าเทียมอย่างสันติสุข
- ผลักดันสวัสดิการครูคุณธรรมทุกศาสนา
พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า นโยบายของพรรคคือให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม ซึ่งได้รับการขานรับจากพี่น้องประชาชนทุกภาค โดยเฉพาะนโยบายเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาทต่อเดือน ถือว่าสำคัญมากต่อความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุ ซึ่งรวมถึงผู้พิการด้วย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับญาติๆ หรือคนรอบข้างมากเกินไป ถือเป็นเงินบำนาญในยามแก่เฒ่า ไม่แยกคนรวยหรือจน เป็นงบประมาณที่แก้ไขความเหลื่อมล้ำสำหรับประชาชน ขณะที่นโยบายด้านการศึกษาก็เป็นการลงทุนให้มนุษย์มีความเจริญ ถือว่าประเทศชาติไม่ขาดทุน