บันทึกชายชาติทหาร “ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ” สงครามมหาเอเชียบูรพา
เปิดตัวหนังสือ “ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ” เผยประวัติศาสตร์การเมือง-ทหารไทยที่พึ่งค้นพบ ช่วงพิพาทอินโดจีน-สงครามมหาเอเชียบูรพา พร้อมรวมคำสอน “ความสามัคคี” อย่างแหลมคม จากคนที่ผ่านการต่อสู้มาหลายสงคราม
ใครจะรู้ว่า ในชีวิตนี้จะได้อ่านเรื่องราวการปฏิบัติการลับในสมรภูมิรบ จนกระทั่ง...
เรื่องราวในอดีตเหล่านั้น ซึ่งเป็นชีวิตของ พล.ต.จักรชัย ศุภางเสน หนึ่งในนายทหารขบวนการเสรีไทยที่เคยร่วมรบในกรณีพิพาทอินโดจีน เเละสงครามมหาเอเชียบูรพา ถูกค้นพบโดย "ดร.ทิพภานิดา ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา" บุตรสาว ทำให้บันทึกฉบับนั้นที่ถูกเขียนทิ้งไว้เมื่อ 40 ปีที่เเล้ว เเละพบในระหว่างเก็บข้าวของออกจากบ้าน ขณะให้ช่างเข้ามาปรับปรุง ถูกนำเสนอขึ้นในวงกว้าง
บันทึกของท่านจึงเป็น "บันทึกความจริง" รูปภาพและเรื่องราวทั้งหมดถูกบันทึกจากเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น ๆ จากนายทหารผู้ปฏิบัติการจริงในพื้นที่ กระทั่งถ่ายทอดความจริงเหล่านั้นผ่านหนังสือ "ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ" โดยสำนักพิมพ์ ริเวอร์ บุ๊คส์ จำกัด เเละมูลนิธิพล.ต.จักรชัย ศุภางคเสน ซึ่งมีการเปิดตัวไปเมื่อเร็ว ๆ นี้ ณ จักรพงษ์วิลล่า เขตพระนคร กรุงเทพฯ
ดร.ทิพภานิดา เล่าถึงที่มาของหนังสือเล่มนี้ว่า ความสำเร็จของบ้านเมืองขาดคนทำงานเบื้องหลังไม่ได้ เราเคยได้รับรู้เรื่องราวความคิด ความรู้สึกของคนที่ยอมเอาชีวิตเข้าแลก รักชาติด้วยการกระทำ หนังสือเล่มนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อเอาความคิดของคนที่รักชาติคนหนึ่ง และคนที่รู้รสชาติของสงครามและความขัดแย้งจริงออกสู่สาธารณะ หนึ่งในบรรดาทหารกล้ากลุ่มนั้น คือ พลตรีจักรชัย ศุภางคเสน คุณพ่อของดิฉัน
“คุณพ่อไม่เคยปริปากประกาศคุณงามความดีของตนเอง แต่กลับเขียนบันทึกความทรงจำ เก็บรักษาไว้โดยที่ลูกและภรรยาไม่เคยล่วงรู้”
ดร.ทิพภานิดา กล่าวจากใจว่า หากแม้นว่าเอกสารของท่านมีใครสักคนเก็บไปทิ้งเสีย ประวัติศาสตร์หน้านี้ก็คงล่วงลับไปพร้อมกับตัวท่านและสูญหายไปตลอดกาลแล้ว และเรื่องราวความจริงของทหารหาญที่ทำงานเบื้องหลังปฏิบัติการลับต่าง ๆ ที่ประวัติศาสตร์มักรู้จักพระเอกและผู้ร้ายเพียงไม่กี่คน ทั้งที่มีคนมากมายเสียสละชีวิต ทุ่มเทแรงกายใจทำงานปิดทองหลังพระก็จะไม่ถูกปรากฏให้เห็น
“ทหารไทยผู้กล้าหาญ ทำให้ประเทศของเรารอดพ้นน้ำมือแห่งความเลวร้ายมาได้จนวันนี้ ประวัติศาสตร์การเมือง ทหารไทยที่เพิ่งค้นพบ ปรากฏในหนังสือเล่มนี้”
ดร.ทิพภานิดา เล่าถึงบันทึกของคุณพ่อต่อว่า ยามที่ประเทศเผชิญภัยสงครามอันโหดเหี้ยมและน่าสะพรึงกลัว ช่วงที่ไทยต้องเผชิญศึกสงครามมหาเอเชียบูรพา คุณพ่อได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการลับ โดยไม่มีกองกำลังสนับสนุน ยอมเอาชีวิตเข้าแลก ยอมตกอยู่ในน้ำมือของทหารญี่ปุ่นเพื่อเข้าไปล้วงความลับ ชี้เป้าจุดยุทธศาสตร์เส้นทางรถไฟสายมรณะ หวุดหวิดจะถูกจับได้แต่รอดกลับมารายงานข้อมูลให้กองทัพฝ่ายสัมพันธมิตร
อีกทั้งเหตุการณ์หนึ่ง เมื่อท่านได้รับมอบหมายให้พาพลจัตวาเฮตเตอร์ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ฝ่ายประชาสัมพันธมิตร หนีออกจากประเทศไทยผ่านด่านของญี่ปุ่นที่เข้มงวด ความเป็นความตายห่างแค่กระพริบตา ในที่สุดท่านสามารถนำทหารฝ่ายสัมพันธมิตรไปขึ้นเครื่องบินหลบหนีจากประเทศไทยได้อย่างหวุดหวิด ปฏิบัติการลับทุกครั้ง หากถูกจับได้ก็อาจจบลงอย่างไม่ธรรมดา เพราะต้องถูกนำไปทรมานเพื่อรีดข้อมูลจนตาย
“คนในยุคสมัยของเราแทบจะจินตนาการความโหดร้ายของสงครามไม่ออก” ดร.ทิพภานิดา ระบุ เเละตั้งคำถามว่า หากประเทศไทยแพ้สงครามมหาเอเชียบูรพา ประเทศไทยจะเป็นอย่างไร และคนไทยทั้งชาติจะทุกข์ทรมานขนาดไหน
ภัยอันตรายของทหารทุกสมรภูมิจนถึงสงครามเย็นที่ต่อสู้กับความคิดความเชื่อที่แตกต่าง พวกเขาเหล่านั้นทำให้ประเทศของเรารอดพ้นน้ำมือของความเลวร้ายนั้นมาได้จนถึงทุกวันนี้
“การต่อสู้ของคุณพ่อ ไม่ใช่การต่อสู้บนกระดาษหรือโวหาร แต่มันคือการเสี่ยงตาย ต่อสู้ในสนามรบ โดยมีชีวิตเป็นเดิมพัน”
พลตรี จักรชัย ศุภางคเสน ได้บันทึกไว้ว่า “ความสามัคคีเป็นสิ่งประเสริฐสุดที่ทุกคนในชาติต้องกระทำ แม้ด้วยความจำใจ” ความคิดนี้มาจากหัวใจของคนที่ผ่านประสบการณ์ชีวิตการต่อสู้เช่นคุณพ่อ ซึ่งได้เห็นความเป็นไปของบ้านเมือง และเข้าร่วมปฏิบัติการทั้งทางตรงและทางอ้อม ในทุกสงครามและความขัดแย้ง ตลอด 40 กว่าปีของชีวิตการทำงานเป็นทหารของท่าน
“ความสามัคคีด้วยความจำใจ เป็นครั้งแรกที่เรามองความสามัคคีจากแง่มุมนี้ ความสามัคคีที่เรารู้จักเสมอมา คือความสามัคคีแบบพอใจหรือแบบสมัครใจ เราจึงจะสมัครใจที่จะสามัคคีกับคนที่เราพอใจ เมื่อมีความขัดแย้ง ความสามัคคีจึงดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน เพราะไม่มีใครจะบังคับใครให้รักใครได้ ใครจะจับมือใครให้ยอมแพ้หรือยอมเสียเปรียบ ความจำใจในที่นี้ไม่ได้มาจากการบังคับ แต่มาจากการสำนึกส่วนตัวที่มีความรักชาติและความรักส่วนรวมดังกล่าว”
บุตรสาวของนายทหารผู้กล้า ได้แสดงความคิดเห็นว่า เรื่องราวในมุมของคนธรรมดาในสังคมไทยที่มีอยู่นี้ยังน้อยไป เรายังต้องการตัวอย่างและการกระทำที่ดีอีกมาก และหวังว่าการปฏิบัติการเสี่ยงชีวิตของเหล่าทหารหารที่กระทำด้วยความกล้าหาญในหนังสือเล่มนี้จะเป็นตัวอย่างให้กับสังคม สร้างแรงบันดาลใจ กระตุ้นจิตสำนึกรับผิดชอบให้กับคนไทยในยุคนี้ได้เดินรอยตาม
“ในยุคสมัยปัจจุบันเราไม่มีโอกาสได้ทำสงครามเสี่ยงตายเพื่อชาติ แต่วันนี้พวกเรามีโอกาสแสดงความรักชาติด้วยการกระทำเสมอ การกระทำที่ตั้งมั่นและกล้าหาญพอที่จะเว้นการควรเว้น ประพฤติการควรประพฤติ ให้เหมาะสมแก่ตำแหน่งและเกียรติศักดิ์ของตัวเอง ข้อความนี้บันทึกอยู่ในประกาศนียบัตรที่คุณพ่อได้รับ เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก ในปี 2477”
ประเทศไทยวนอยู่กับความขัดแย้งอย่างเดิมเป็นเวลานานเกินไป ถึงเวลาแล้วที่ต้องพาประเทศไทยเดินไปข้างหน้า ขอส่งต่อข้อคิดและคำขอ พล.ต. จักรชัย ที่ฝากไว้กับคนไทยว่า “สามัคคีด้วยความจำใจ” ขอให้ไทยก้าวผ่านความขัดแย้งทั้งปวงไปด้วยกัน
...........................................................
หนังสือ "ปฏิบัติการลับ ในสมรภูมิรบ" จึงมิใช่เป็นเพียงบันทึกความอาจหาญกล้าของนายทหารอย่าง พล.ต.จักรชัย ศุภางเสน เท่านั้น เเต่ยังเป็นบันทึกที่นำเสนอมุมมองความสามัคคี ซึ่งเป็นเสมือนอาวุธไม่ลับนำพาประเทศไปสู่ความเจริญมั่งคั่งได้ด้วย .