คนร้ายแต่งกายคล้ายทหารบุกอุ้ม 2 ตำรวจฆ่าทิ้ง-เผารถ
มีเหตุอุกอาจเกิดขึ้นกับตำรวจในพื้นที่อำเภอเจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส เมื่อมีคนร้ายไม่ต่ำกว่า 4 คน แต่งกายด้วยชุดสีดำและชุดลายพรางคล้ายทหาร บุกจับตำรวจ 2 นาย ขึ้นรถกระบะหายไปตั้งแต่ช่วงค่ำ เจ้าหน้าที่จัดกำลังออกติดตามจนถึงเช้ามืด กระทั่งพบเป็นศพถูกยิงทิ้งในคูน้ำ และรถถูกเผาวอด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อเวลา 19.30 น.วันอังคารที่ 26 ก.พ.62 ตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง จังหวัดนราธิวาส รับแจ้งมีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์อย่างน้อย 4 คน บางคนแต่งกายด้วยชุดสีดำคล้ายทหารพราน บางคนสวมเสื้อลายพรางคล้ายของทหาร มีผ้าคาดปิดบังใบหน้า และมีอาวุธปืนยาวครบมือ บุกเข้าไปที่บ้านเลขที่ 30 หมู่ 2 ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง และจับตัวเจ้าหน้าที่ตำรวจไป 2 นายขณะกำลังนั่งคุยอยู่กับคนในบ้าน โดยนำตัวขึ้นรถกระบะแบบ 4 ประตู ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีฟ้า หมายเลขทะเบียน กล 3584 สงขลา ซึ่งคาดว่าเป็นรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ถูกจับตัว จากนั้นคนร้ายได้ขับรถออกไปจากจุดเกิดเหตุ
ตำรวจ 2 นายที่ถูกจับตัวไป คือ ส.ต.ท.นเรศ เอียดทอง สังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษเฉพาะกิจที่ 31 ภูมิลำเนาอยู่ที่อำเภอสทิงพระ จังหวัดสงขลา กับ ส.ต.ท.รุสไวดี สาแม เป็นตำรวจ สภ.เจาะไอร้อง โดยคนร้ายยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 และปืนสั้นอีก 2 กระบอก ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของตำรวจทั้ง 2 นายไปด้วย
หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้กระจายกำลังกันออกติดตามค้นหา กระทั่งเมื่อเวลาประมาณ 04.30 น. พบรถกระบะมิตซูบิชิถูกเผาวอดทั้งคัน ถูกจอดทิ้งอยู่บนถนนในท้องที่หมู่ 3 ตำบลโฆษิต อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าน่าจะเป็นคันเดียวกับที่คนร้ายชิงไปขณะจับตัว 2 ตำรวจ
ต่อมาในช่วงเช้า เจ้าหน้าที่พบศพตำรวจทั้ง 2 นายถูกทิ้งในคูน้ำ ในพื้นที่บ้านบูเก๊ะ หมู่ 2 ตำบลบูกิต อำเภอเจาะไอร้อง สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสาเหตุของการเหตุการณ์อุกอาจในครั้งนี้ และจัดกำลังออกติดตามไล่ล่าคนร้ายเป็นการด่วน
สำหรับรถกระบะยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน สีฟ้า ที่ถูกคนร้ายปล้นไป และจุดไฟเผาจนวอดนั้น จากการตรวจสอบในสารบบงานทะเบียนรถยนต์ พบว่าผู้ครอบครองเป็นพลเรือน มีภูมิลำเนาอยู่ในอำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา ไม่ใช่ชื่อของตำรวจ 2 นายที่ถูกสังหาร
เป็นที่น่าสังเกตว่า คนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจยังคงแต่งกายคล้ายทหาร ทั้งๆ ที่เมื่อวันที่ 17 มกราคมที่ผ่านมา พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 เพิ่งออกประกาศห้ามไม่ให้ประชาชนแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร หรือแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร หลังปรากฏบ่อยครั้งว่ามีกลุ่มบุคคลแต่งกายด้วยเครื่องแบบทหาร หรือแต่งกายคล้ายเครื่องแบบทหาร ไปแสดงตนทำให้เจ้าหน้าที่และประชาชนหลงเชื่อและเข้าใจผิดว่าเป็นทหาร แล้วก่อเหตุสร้างสถานการณ์ร้ายแรง สร้างความเสียหายและทำลายความสงบของประชาชนในเขตพื้นที่