พีเน็ตจี้ กกต.ทบทวนปมให้ประชาชนลงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.ที่เสียชีวิตไปแล้ว
พีเน็ต เรียกร้องทบทวนปม กกต. ให้สิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ที่เสียชีวิตแล้ว แต่ประชาชนยังกาบัตรลงคะแนนให้ได้ ทั้งที่ขาดคุณสมบัติไปแล้ว
จากกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงข่าวว่ากรณีผู้สมัครจ.ชุมพรเขต 2 และจ.ร้อยเอ็ดเขต 4 ซึ่งเสียชีวิตไปแล้ว 2 คน ให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งสามารถกาบัตรลงคะแนนให้ได้ ไม่ถือเป็นบัตรเสียเพราะในบัตรมีคะแนนปาร์ตี้ลิสต์แฝงอยู่คะแนนของผู้สมัครที่เสียชีวิตจะถูกส่งต่อเป็นคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ และถ้าผู้สมัครที่เสียชีวิตเกิดชนะการเลือกตั้ง กกต.ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่นั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ก.พ. 2562 มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต)มีความห่วงใยกับการใช้ดุลพินิจของกกต.ในการพิจารณาเรื่องนี้อย่างยิ่งด้วยเห็นว่าเป็นการใช้ดุลยพินิจพิจารณาให้ “คนตายกลายเป็นคนเป็น” ซึ่งเป็นการผิดธรรมชาติอย่างมากโดยหลักทั่วไป กกต. สามารถใช้ดุลพินิจตามอำนาจหน้าที่ในมาตรา 118 (8) และนำมาตรา 50 ของพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่บัญญัติให้ปฏิบัติต่อผู้สมัครในกรณีที่ตาย เหมือนในกรณีขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม มาใช้โดยอนุโลมประกอบกับรัฐธรรมนูญมาตรา101 (2) ที่กำหนดให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงเมื่อเสียชีวิตเมื่อผู้สมัครเป็น ส.ส. เสียชีวิตแล้วย่อมไม่สามารถมีสมาชิกภาพของ ส.ส. โดยถือว่าโดยธรรมชาติแล้ว ผู้เสียชีวิตย่อมขาดคุณสมบัติ และพ้นจากสภาพการเป็นผู้สมัครโดยปริยายแม้จะอ้างว่าคะแนนของผู้เสียชีวิตมีคะแนนของปาร์ตี้ลิสต์แฝงอยู่แต่เมื่อผู้สมัครเป็นด่านแรกของการที่ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจะลงคะแนนให้เสียชีวิตไปแล้วข้อต่อเชื่อมตรงนี้ก็ย่อมต้องถูกตัดขาดลงไปและดูเหมือนว่า กกต. มิได้อ้างข้อเชื่อมต่อนี้ ในกรณีผู้สมัคร ส.ส. แบบแบ่งเขตที่ไม่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม 389 คน
นอกจากนี้มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยมีความเห็นต่อคำอธิบายของ กกต. ในประเด็นที่ กกต.จะให้มีการเลือกตั้งใหม่หากพบว่าคะแนนที่ลงให้กับผู้สมัครที่เสียชีวิตมีจำนวนมากกว่าผู้สมัครคนอื่นในกรณีเช่นนี้หากผู้สมัครทุกคนที่คะแนนน้อยกว่าผู้ตายลงแข่งอีกและแพ้คนตายอีกหากยังคงวินิจฉัยว่าผู้ตายยังเป็นผู้สมัครอยู่ได้อีกต้องจัดเลือกตั้งใหม่อีกไปเรื่อย ๆ ทำให้เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมากแล้วยังมีผลทำให้ไม่สามารถนำคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ของผู้สมัครที่มีชีวิตอยู่ไปใช้ได้ทั้งเขตเลือกตั้งอีกต่างหาก
มูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (พีเน็ต) จึงขอเรียกร้องให้กกต. ทบทวนเรื่องดังกล่าวและให้คำนึงถึงธรรมชาติและความเป็นธรรมกับผู้สมัครที่ยังมีชีวิตอยู่.