'ประพัฒน์'เตือนเกษตรกรปลูกกัญชา ต้องทำตามกม.-ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกตามขั้นตอน
'ประพัฒน์'เตือนเกษตรกรปลูกกัญชา ต้องทำตามกม.-ขึ้นทะเบียนผู้ปลูกตามขั้นตอน
นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ ประธานสภาเกษตรกรแห่งชาติ เปิดเผยว่า ภายหลังพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฉบับใหม่เปิดทางให้ใช้พืชกัญชา–กระท่อมเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ที่มีดารประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562 ในฐานะตัวแทนเกษตรกรรู้สึกชื่นชมที่รัฐบาลเข้าใจ แล้วนำปัญหาที่หมักหมมมาช้านานไปปรับปรุงแก้ไข ให้ “กัญชา” เป็นยาแม่ยังคงเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่ แต่ก็ยอมที่จะเปิดทางให้นำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ได้
อย่างไรก็ตามสิ่งที่กังวัลใจจากนี้ไปคือขั้นตอนการขึ้นทะเบียน ของเกษตรกรซึ่งทราบกันดีว่าเกษตรกรบ้านเราส่วนใหญ่เพาะปลูกกัญชาอยู่ในพื้นที่ชนบทห่างไกลไม่ค่อยเข้าใจเรื่องกฎ ระเบียบ กติกาว่าขั้นตอนว่าจากนี้ไปควรทำอย่างไรประเด็นดังกล่าวส่วนตนเห็นว่าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตควรวางขั้นตอนซับซ้อนมากเกินไป ขอให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมายเป็นหลักเพราะออกกฎระเบียบเข้มเกินไปและปล่อยให้เกษตรกรเตรียมดำเนินการเองก็มั่นใจว่าจะไม่มีเกษตรกรเครือข่ายไหนได้รับการพิจารณาให้ปลูกกัญชาได้ตานเจตนารมกฎหมายที่วางไว้
"แนวโน้มกฎกระทรวงเท่าที่อ่านตามหน้าข่าว ดูเหมือนว่าค่อนข้างจะทำงานยาก อาทิเช่น เกษตรกรในเครือข่ายที่รักษาผู้ป่วยอยู่ ทั้งหมดหากเอกสารผิดหรือไม่ครบถ้วนตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎกระทรวง ทั้งหมดจะผิดกฎหมาย วัตถุดิบ อุปกรณ์ในการสกัดกัญชาทั้งหมดก็จะถูกทำลายทิ้งนั่นคือสิ่งที่เป็นห่วงมาก ภาคราชการไม่ควรใช้กฎระเบียบหยุมหยิมจนลืมเจตนารมณ์ของกฎหมายไป ” นายประพัฒน์ กล่าว
นายประพัฒน์บอกด้วยว่าจากปัญหาที่เกิดขึ้นทางสภาเกษตรกรแห่งชาติจึงจะตั้งคณะทำงานเล็กๆขึ้นมาเพื่อเป็นพี่เลี้ยงและกระจายข่าวขั้นตอนการขึ้นทะเบียนให้กับเกษตรกรพร้อมทั้งจะเข้าประสานมหาวิทยาลัยที่มีคณะแพทย์ศาสตร์ เภสัชศาสตร์ ทันตกรรมศาสตร์ ตามที่กฎหมายกำหนด โดยภาคกลางจะประสานมหาวิทยาลัยรังสิตซึ่งในวันอังคารที่ 26 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา 10.00 น. จะเข้าพบ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดี ส่วนในภาคเหนือจะเข้าประสานมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ภาคอีสานมหาวิทยาลัยขอนแก่น ภาคใต้มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
จึงขอแนะนำเกษตรกรที่รักษาตนเอง ญาติพี่น้องและเครือข่ายด้วยพืชกัญชาให้รีบจัดทำเอกสารประวัติของผู้ป่วยบันทึกเป็นทางการแล้วจดทะเบียนเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยรวมตัวกัน 7 คนขึ้นไปประสานหน่วยงานที่รับผิดชอบในพื้นที่เพื่อจะขึ้นทะเบียนให้แล่วเสร็จภายใน30วันซึ่งสามารถศึกษารายละเอียดจาก(http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2562/A/019/T_0001.PDF )
นายประพัฒนาย้ำว่าการขึ้นทะเบียนครั้งนี้ไม่ใช่การเปิดเสรีกัญชา ไม่ใช่เพื่อสันทนาการเป็นการแต่ใช้เพื่อใช้ทางการแพทย์และมีขั้นตอนในการขออนุญาต ที่เขียนเอาไว้ในกฎกระทรวงอย่างชัดเจนจึงควรศึกษารายระเอียดให้ชัดเจน
ที่มาข่าว:https://www.naewna.com/local/396964