ชีวิต อสม.ชายแดนใต้...ทำงานด้วยใจบนวิถีพอเพียง
"พูดถึงรายได้ก็ไม่คุ้ม แต่จิตใจเรา...เรารักไปช่วยเหลือคน การที่เราอาสาเข้าไป จิตใจต้องอาสาด้วย"
นี่คือความรู้สึกจากหัวใจของ สายทอง การะเกตุ ประธานอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "อสม." ของตำบลตาชี อำเภอยะหา จังหวัดยะลา ที่สะท้อนให้เห็นว่างาน อสม.เป็นงานอาสาสมัครที่ต้องทำด้วยใจอย่างแท้จริง
ทุกๆ เช้า เมื่อเสร็จจากงานกรีดยาง ดูแลสวนผลไม้และพืชผักสวนครัว สายทองจะเดินทางไปกับมอเตอร์ไซค์คู่ใจ ตระเวนเยี่ยมคนป่วยในพื้นที่รับผิดชอบของเธอ
หนึ่งในคนไข้ที่อยู่ในความดูแลของสายทอง มีอาการทางจิตเวช จากความผิดหวังเรื่องครอบครัวและความเครียดเรื่องอาชีพ สายทองใช้เวลากว่า 1 ปีในการช่วยเหลือเยียวยา ทั้งรักษาด้วยยา และรักษาด้วยกำลังใจ ทั้งจ้ำจี้จ้ำไชเรื่องทานยาให้ครบตามหมอสั่ง รวมไปถึงชีวิตส่วนตัวด้วยการขอร้องไม่ให้ดื่มเหล้า และแนะนำกระทั่งเรื่องตัดผม โกนหนวด ทำให้วันนี้หนุ่มใหญ่ที่เคยสิ้นหวัง กลับมามีพลังประกอบอาชีพอีกครั้ง
หนุ่มใหญ่บอกว่า ดีใจที่ อสม.มาช่วยเหลือ ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว กลับมาทำงานได้ รับจ้างยกยางแผ่น ได้ค่าจ้างเป็นรายวัน ทำให้ชีวิตดีขึ้นกว่าเดิม
อสม.มีความเป็นมายาวนานตั้งแต่ปี 2522 ปัจจุบันมีจำนวนเกือบ 700,000 คนทั่วประเทศ ไม่เว้นแม้ในพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความรุนแรงอย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ภารกิจของ อสม.นอกจากดูแลผู้ป่วย โดยเฉพาะผู้ป่วยติดเตียงในหมู่บ้านและชุมชนแล้ว ยังมีหน้าที่ถ่ายทอดความรู้ด้านสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน และส่งเสริมให้ประชาชนดูแลสุขภาพ รวมทั้งป้องกันโรคระบาดด้วย เหตุนี้เองที่ทำให้ อสม.มีความจำเป็นมาก และยิ่งจำเป็นมากขึ้นไปอีกสำหรับพื้นที่ห่างไกลหมอและสถานพยาบาลอย่างดินแดนปลายด้ามขวาน
เวลาทำงานจริงๆ อสม.จะทำงานกันเป็นเครือข่าย ไม่ใช่จำกัดเฉพาะแค่ในหมู่บ้านที่รับผิดชอบเท่านั้น แต่ยังขยายไปถึงระดับตำบลและจังหวัด อย่างสายทอง ช่วงนี้ก็ต้องออกเก็บตัวอย่างเลือดของคนในชุมชนเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคไข้มาลาเรีย หลังจากเพิ่งจบภารกิจป้องกันการระบาดของโรคหัดในเด็กที่วิกฤติถึงขั้นมีเด็กต้องสังเวยชีวิตหลายสิบคน
"เวลามีโรคติดต่อระบาดที่กรงปินัง บันนังสตา และยะหา ระหว่าง 3 อำเภอนี้ ทีมเราก็จะลงไปช่วย ทีมของเราคือทีมอำเภอยะหามี 12 คน เรามีกลุ่มไลน์สำหรับนัดหมายและพูดคุยปรึกษาหารือกัน เพื่อวางแผนลงพื้นที่และช่วยเหลือประชาชน" อสม.แห่งบ้านตาชี กล่าว
สายทอง เป็น อสม.มานาน 14 ปี เคยได้รางวัล อสม.ดีเด่นซึ่งเป็นรางวัลระดับประเทศ เธอทำมาตั้งแต่ยุคที่ยังไม่มีค่าตอบแทนใดๆ แต่เธอก็ไม่เดือดร้อน เพราะใช้ชีวิตตามแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ฉะนั้นการเพิ่มค่าตอบแทนให้ อสม.ตามนโยบายของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากเดือนละ 600 บาทเป็น 1,000 บาท แม้จะไม่ใช่เงินจำนวนมากมาย และเพิ่มให้เพียง 1 ปีงบประมาณ คือ 12 เดือน ไม่ใช่ตลอดไป แต่เธอก็รู้สึกซาบซึ้งใจที่รัฐบาลเล็งเห็นความสำคัญ และไม่ทอดทิ้่ง อสม.
"จากเดิมที่เราไม่เคยได้แม้แต่บาทหนึ่ง ก็ดีใจที่มาได้บ้าง กระทั่งวันนี้รัฐบาลมาเพิ่มให้อีก 400 บาทก็ยิ่งดีใจ ขอบคุณมากที่ท่านเพิ่มเติมให้ 400 บาท ถือว่าให้ความสำคัญกับพวกเรา ทำให้เรามีกำลังใจขึ้นมาก" สายทอง เผยความรู้สึกด้วยรอยยิ้ม
การทำงานด้วยใจ ใช้ชีวิตแบบพอเพียง ทำให้สายทองมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือดูแลเพื่อนๆ ร่วมชุมชน แม้จะต้องอาศัยอยู่ในพื้นที่สีแดงอย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็ตาม เพราะเมื่อชุมชนของเธอเข้มแข็ง พี่น้องมีสุขภาพแข็งแรง สันติสุขเล็กๆ ก็จะเกิดขึ้นเอง จากชุมชน ขยายสู่ตำบล จังหวัด และดินแดนปลายด้ามขวานทองของไทย...