แอมเนสตี้ฯ มอบ “รางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน” ประจำปี 2561
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย ได้จัดงานประกาศผลและพิธีมอบรางวัล “รางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน” ประจำปี 2561 ณ โรงแรมอวานี ริเวอร์ไซด์ กรุงเทพฯ โดยมอบรางวัลผลงานสื่อมวลชนดีเด่นด้านสิทธิมนุษยชนให้กับสื่อสิ่งพิมพ์ สื่อออนไลน์ และสื่อโทรทัศน์
เมื่อวันที่ 24 ม.ค. 2562 นายสมชาย หอมลออ ที่ปรึกษาแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล เปิดเผยว่า สื่อมวลชนเปรียบเสมือน “ครู” ผู้ทำหน้าที่ในการร่วมกันบ่มเพาะคนในสังคมให้ตระหนักถึงเรื่องสิทธิมนุษยชน และเคารพซึ่งกันและกันมากขึ้น จึงเล็งเห็นความสำคัญในการสร้างกำลังใจให้กับสื่อมวลชนที่ทำงานอย่างหนักในการนำเสนอข่าวสารในแง่มุมที่คำนึงถึงการเคารพ ส่งเสริม และปกป้องสิทธิมนุษยชน ด้วยการจัดมอบรางวัลผลงานสื่อมวลชนดีเด่นด้านสิทธิมนุษยชนขึ้น เพื่อสร้างความตระหนักให้กับคนในสังคม และสื่อมวลชนจะได้มีพลังในการยืนหยัดที่จะทำงานเพื่อปกป้องส่งเสริมสิทธิมนุษยชนต่อไป ในส่วนของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทยเรียกร้องให้ทุกภาคส่วนเคารพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน ที่ต้องได้รับการคุ้มครองไม่ให้ถูกข่มขู่และคุกคาม
ที่ปรึกษาแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า คณะกรรมการตัดสินผลงานรางวัลสื่อมวลชนเพื่อสิทธิมนุษยชน ประจำปี 2561 ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญจากสายสื่อมวลชนและสายสิทธิมนุษยชน จากการคัดสรรและตัดสินผลงานที่ส่งเข้าประกวดทั้งหมด ผลการตัดสินมีดังนี้
รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อสิ่งพิมพ์ ประกอบด้วยรางวัลดีเด่น 1 รางวัลๆ ละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานชุด “ผู้ต้องกักและผู้ลี้ภัยในเขตเมือง 101” หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ และรางวัลชมเชย 1 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ผลงานชุด “น้องนนท์...จากคนกีฬาชายขอบไร้สัญชาติ สู่วันที่คราบน้ำตาแห้งพร้อมสู้เพื่อชาวไทย” หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
รางวัลข่าวและสารคดีเชิงข่าวประเภทสื่อออนไลน์ ประกอบด้วยรางวัลดีเด่น 1 รางวัล ๆ ละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานเรื่อง "บทเรียนจากแดนประหารจากช่างภาพญี่ปุ่น-โทชิ คาซามะ” เว็บไซต์สนุกดอทคอม และรางวัลชมเชย 4 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานเรื่อง “เปิดตาตีหม้อ-สำรวจตลาดโสเภณีคลองหลอด” เว็บไซต์ the101.worldผลงานเรื่อง “ชีวิตยามเกษียณ: ‘ชีวิตดี’ เกิดจนตาย รัฐสวัสดิการเป็นไปได้ในชาตินี้” เว็บไซต์ประชาไท ผลงานเรื่อง “4 ปีรัฐประหาร: ความตายของชัยภูมิ ป่าแส สิทธิมนุษยชนยุคทหารที่ไร้คำตอบ” เว็บไซต์บีบีซีไทย และผลงานเรื่อง “In The Name Of The Mother เปลวเพลิงในดวงตาพะเยาว์ อัคฮาด” เว็บไซต์ the101.world
รางวัลข่าวหรือสารคดีเชิงข่าว ประเภทสื่อโทรทัศน์ (ความยาวไม่เกิน 20 นาที) ประกอบด้วยรางวัลดีเด่น 2 รางวัล ๆ ละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานเรื่อง “ซ่อมVSซ้อม ธำรงวินัยทหารอดทน” สถานีโทรทัศน์เวิร์คพอยท์ และผลงานเรื่อง “โรฮิงญากลางฤดูอพยพ” สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส ส่วนรางวัลชมเชยอีก 2 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานเรื่อง “วิสามัญ ‘ชัยภูมิ ป่าแส’ ควันปืนที่บดบังข้อเท็จจริง” สถานีโทรทัศน์นิวทีวี และผลงานเรื่อง“ค้ามนุษย์ข้ามชาติ” สถานีโทรทัศน์พีพีทีวีเอชดี 36
สารคดีหรือสารคดีเชิงข่าว ประเภทรายการโทรทัศน์ (ความยาวรวมไม่เกิน 60 นาที) ประกอบด้วยรางวัลดีเด่น 2 รางวัล ๆ ละ 30,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณได้แก่ผลงานเรื่อง “ชีวิตหนี้มลาบรี” รายการเปิดปม สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส และผลงานเรื่อง “เคยมีคนชื่อ เด่น คำแหล้” รายการสารตั้งต้น สถานีโทรทัศน์พีพีทีวี เอชดี 36 ส่วนรางวัลชมเชยมี 1 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท พร้อมโล่ประกาศเกียรติคุณ ได้แก่ ผลงานเรื่อง “เด็กลูกแรงงานข้ามชาติกับการได้รับการศึกษา” รายการสปริง รีพอร์ต สถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์
นายสมชาย หอมลออ กล่าวต่อว่าในปีนี้ ศาสตราจารย์กิตติคุณ วิทิต มันตาภรณ์ ผู้เชี่ยวชาญกฎหมายสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศเป็นประธานในพิธีมอบรางวัลให้แก่สื่อมวลชน และยังจัดให้มีการปาฐกถาในหัวข้อ “เมื่อสื่อทำให้เสียงของเราไม่เงียบอีกต่อไป” โดย นายศักดา แก้วบัวดี นักแสดงและอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ขอลี้ภัยในประเทศไทย และนางสุภาพ คำแหล้ ภรรยานักต่อสู้เพื่อสิทธิในที่ทำกัน จ. ชัยภูมิที่หายตัวไปเมื่อปี 2559
นอกจากนั้นภายในงานยังมีการมอบโปสการ์ดให้กำลังใจจากผู้สนับสนุนของแอมเนสตี้ให้กับ 3 นักปกป้องสิทธิมนุษยชนหญิงของไทยได้แก่ นางอังคณา นีละไพจิตร นักปกป้องสิทธิมนุษยชนที่รณรงค์เพื่อยุติการอุ้มหายในประเทศไทย และภรรยาทนายความสิทธิมนุษยชนที่ถูกอุ้มหายเมื่อปี 2547 นางสาวพิณนภา พฤกษาพรรณ คุณแม่ลูกห้าและภรรยานักปกป้องสิทธิมนุษยชนกลุ่มชาติพันธุ์ ที่หายตัวไปเมื่อปี 2557 นางสาวศิริกาญจน์ เจริญศิริ ทนายความสิทธิมนุษยชนด้วย
ในตอนท้ายนายสมชายได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่เป็นบุคคลสำคัญที่สุดของงานในวันนี้ที่ได้ช่วยกันขับเคลื่อนและเป็นสื่อกลางในการต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิมนุษยชนและให้ความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชนทั้งที่ผ่านมาและจะทำต่อไป