"ประมาท-ขาดวินัย" สั่งยกเครื่องใหญ่ยุทธวิธีดับไฟใต้
ฝ่ายความมั่นคงสรุปบทเรียนกรณีคนร้ายบุกยิงตำรวจเสียชีวิตถึงในโรงพัก สภ.นาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดกลางวันแสกๆ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ม.ค.62 พบช่องโหว่การปฏิบัติหน้าที่ พร้อมสั่งยกเครื่องยุทธการเป็นการด่วน
ภาพที่บันทึกได้จากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) บริเวณ สภ.นาประดู่ ในจังหวะที่คนร้ายขี่รถจักรยานยนต์เข้าโจมตีด้วยการกราดยิงใส่ตำรวจทั้งในป้อม รปภ.หน้าโรงพัก และยิงขึ้นไปบนอาคาร ก่อนจะหลบหนีไปนั้น สะท้อนให้เห็นปฏิบัติการสุดอุกอาจ ไม่เกรงกลัวกฎหมายและเจ้าหน้าที่
ขณะเดียวกันก็มีการตั้งคำถามถึงการเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ไม่คาดฝันในพื้นที่เสี่ยงอย่างสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ในห้วงที่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นถี่ยิบต่อเนื่อง
รายงานสรุปเหตุการณ์ที่จัดทำโดยฝ่ายความมั่นคง ถอดบทเรียนเรื่องนี้ระบุว่า คนร้ายมากัน 6 คน ใช้รถจักรยานยนต์ 3 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนอาก้า เอ็ม 16 และปืนพกขนาด 9 มม. การแต่งกายมีหมวกแก๊ปและผ้าปิดปาก ปิดบังใบหน้า แต่ไม่สวมหมวกกันน็อค
การโจมตี คนร้ายที่มากับรถจักรยานยนต์คันแรก พุ่งเข้าชาร์จตำรวจที่เข้าเวรบริเวณป้อมหน้าโรงพัก ใช้ปืนยิงเข้าที่ศีรษะจนเสียชีวิต ชิงปืน M4 และเสื้อเกราะไปด้วย
คนร้ายที่มากับรถจักรยานยนต์คันที่ 2 ระดมยิงใส่โรงพัก ขณะทีคนร้ายที่มากับรถจักรยานยนต์คันที่ 3 จอดรถคุมเชิงอยู่บนถนนด้านนอก และใช้ปืนยิงเข้าใส่ชั้น 2ของโรงพัก
คนร้ายใช้เวลาปฏิบัติการ 32 วินาที โดย สภ.นาประดู่ อยู่ห่างจากกองร้อยทหารพรานที่ 4310 เพียง 1.5 กิโลเมตร หลังเกิดเหตุมีการตั้งด่านตรวจ แต่ไม่พบตัวคนร้าย คาดว่าใช้เส้นทางอื่นหลบหนี
ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจที่อยู่ภายในป้อม ปกติจะมีผู้ปฏิบัติงาน 2 นาย แต่ไปรับประทานอาหาร 1 นาย เหลือปฏิบัติหน้าที่อยู่ 1 นาย สภาพไม่มีความพร้อม ไม่ได้สวมเสื้อเกราะ
ป้อมสูงของโรงพัก (เป็นอีกป้อมหนึ่ง) ที่ใช้สำหรับสอดส่องความเคลื่อนไหวโดยรอบนั้น ปรากฏว่าไม่มีผู้ใดปฏิบัติหน้าที่อยู่บนป้อมเลย
ข้อสังเกตจากรายงานของฝ่ายความมั่นคงที่สรุปบทเรียนจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็คือ
1.ผู้ก่อเหตุรุนแรงไม่เลือกเป้าหมาย เน้นโจมตีจุดที่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยต่ำ หละหลวม ไม่เลือกเวลาในการโจมตี
2.การแจ้งเตือนของฝ่ายเจ้าหน้าที่ ไม่มีการส่งต่อให้ทราบถึงกำลังพลคนสุดท้าย ทำให้ไม่รู้สึกตื่นตัว (alert)
3.กำลังพลส่วนใหญ่ขาดวินัยทางยุทธวิธี เช่น ตามด่านตรวจยืนอยู่คนเดียว เล่นโทรศัพท์ เป็นต้น
4.ต้องปรับยุทธวิธีใหม่ให้มีความพร้อมในเรื่องยามพร้อมยิง, สัญญาณบอกฝ่ายต้องชัดเขน เพื่อให้ไม่ถูกสวมรอยจากฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นพวกเดียวกัน และการตอบโต้ต้องทำได้ฉับพลันทันทีที่ถูกโจมตี
5.อย่าเน้นคุมเข้มเฉพาะตอนกลางคืน เพราะผู้ก่อเหตุไม่เลือกเวลาและสถานที่
6.ทบทวนระบบการ รปภ.ตนเอง และ รปภ.สถานที่ตั้งหน่วย
รายงานของฝ่ายความมั่นคงยังประเมินว่า สถานการณ์จะรุนแรงต่อเนื่องต่อไปและจะอ่อนไหวมากขึ้น หากผู้บังคับหน่วยระดับยุทธิวิธีและกำลังพลยังไม่มีวินัยมากพอ และไม่มีขีดความสามารถในการรับมือกับยุทธวิธีของฝ่ายผู้ก่อเหตุรุนแรง
มีรายงานว่า พล.ต.ต.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดปัตตานี ได้มีคำสั่งด่วนให้ พ.ต.อ.ชุ่มช่วย ผู้กำกับการ สภ.นาประดู่ รวมถึงรองผู้กำกับฯ และสารวัตรสืบสวน เข้ามาช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ พร้อมส่งผู้ที่มีความเข้าใจพื้นที่ไปปฏิบัติหน้าที่แทน
ขณะที่ความคืบหน้าทางคดี มีการตามยึดรถจักรยานยนต์พร้อมเครื่องแต่งกายที่คนรืายใช้ในวันก่อเหตุได้จำนวนหนึ่ง ภายในบ้านที่ไม่ห่างจากจุดเกิดเหตุมากนัก คาดว่าเป็นจุดนัดพบหลังเกิดเหตุเพื่ออำพรางตัวก่อนแยกย้ายกันหลบหนี
---------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ : 6 ชายฉกรรจ์บุกโรงพักนาประดู่ ปัตตานี ยิงตำรวจดับ