ผู้อพยพเชื้อสายไทย จ.เกาะกง : เรื่องเล่าบนเส้นทาง พ.ร.บ.สัญชาติ
ช่องว่างการบังคับใช้กฎหมายสัญชาติฉบับใหม่ คือระบบราชการไทยไม่พร้อม ทุกฝ่ายจึงต้องช่วยผลักดันให้คนไทยพลัดถิ่นได้รับรองสัญชาติโดยการเกิด เข้าถึงสิทธิต่างๆโดยเร็วตามเจตนารมณ์กฎหมาย
“สมัยโน้นลำบากมากนะ คนจนจนขนาดที่ต้องเอากระสอบมาใส่แทนเสื้อผ้า”
คำบอกเล่าอดีตจากคุณยายวัย 91 ที่ออกเดินทางแต่เช้ามืดจากกรุงเทพไป อ.คลองใหญ่ จ.ตราด ชื่ออำเภออาจไม่คุ้นเหมือนเกาะช้าง เกาะกูด แต่อำเภอนี้มีอะไร ทำไมต้องเดินทางไกล เคยได้ยินคำเหล่านี้มั้ย…“ผู้อพยพเชื้อสายไทยจากจังหวัดเกาะกง”…“คนไทยพลัดถิ่นจากเกาะกง”
ที่นี่มีผู้อพยพเชื้อสายไทยจาก จ.เกาะกงอาศัยอยู่ ย้อนไปสมัยรัชกาลที่ 5 เดิมประจันตคีรีเขตต์(เกาะกง) อยู่ในการปกครองสยาม แต่เมื่อมีการทำ “อนุสัญญาระหว่างกรุงสยามกับฝรั่งเศสว่าด้วยอนุญาตที่ดินริมฝั่งแม่น้ำโขง ตามความในสัญญา 13 กุมภาพันธ์ ร.ศ.122 Convention entre la France et le Siam Modifiant les Stipulations du Traité du 3 Octobre 1893, concernant des Autres Arrangemants, signé à Paris, le 13 Février 1904” เพื่อแลกเมืองจันทบุรีคืนมา แต่ฝรั่งเศสกลับยึดด่านซ้ายและตราดรวมถึงเกาะกงเป็นประกัน
เมื่อเขมรแดงเรืองอำนาจ เกิดการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ คนเชื้อสายไทยที่อาศัยอยู่ที่นั่นไม่สามารถอยู่อีกต่อไปได้ จึงหนีเข้ามายังดินแดนไทยในพื้นที่ จ.ตราด บ้างก็เดินข้ามเขาข้ามน้ำมา บางคนก็นั่งเรือมาทางทะเล จากปัญหาความไม่มั่นคงในชีวิต ทรัพย์สิน ความอดอยาก พวกเขาต้องทิ้งบ้านเรือนทรัพย์สินไว้เบื้องหลังเพื่อให้มีชีวิตรอด ไม่รู้ว่าอนาคตแม้เมื่อเข้ามาอยู่บนผืนแผ่นดินไทยแบบ “หนีไปตายเอาดาบหน้า”
คนไทยพลัดถิ่นจากเกาะกงพูดภาษาไทยได้ชัดเจนดี แม้จะมีสำเนียงเหน่อๆแต่ก็เหมือนสำเนียงคนตราด แม้กระทั่งคนแก่เชื้อสายไทยในเกาะกงยังพูดภาษาไทยได้ชัดถ้อยชัดคำ ต่างกับผู้ที่ไม่ใช่คนเชื้อสายไทยแม้จะถือบัตรผู้อพยพเชื้อสายไทยจาก จ.เกาะกง กัมพูชา “เลขหลักที่หก-เจ็ดเป็น 63”, บัตรผู้หลบหนีเข้าเมืองเชื้อสายไทยจาก จ.เกาะกง กัมพูชา“เลขหลักที่หก-เจ็ดเป็น 64”, บัตรผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา “เลขหลักที่หก-เจ็ดเป็น 65” แต่กลับพูดภาษาไทยไม่ชัด ซึ่งเขาอาจไม่ใช่คนเชื้อสายไทยที่อาศัยอยู่ในเขตเกาะกง?
ส่วนเรื่องวิถีชีวิตกันบ้าง ส่วนใหญ่คนไทยพลัดถิ่นที่นี่จะประกอบอาชีพประมง อาศัยอยู่ริมคลองต่างๆ เช่น คลองสน คลองมะขาม คลองไม้รูด อาหารทะเลที่นี่สดมาก ประเพณีวัฒนธรรมก็ไม่มีอะไรแตกต่างไปจากคนไทยเลย เช่น งานขึ้นบ้านใหม่ บวช แต่งงาน สงกรานต์ ลอยกระทง แต่จะสังเกตได้ว่าในชุมชนคลองสนมีแรงงานชาวกัมพูชาอาศัยอยู่ด้วย นอกจากความต่างเรื่องภาษายังมีความแตกต่างเรื่องวิถีชีวิต เช่น ชอบใส่ชุดนอนลายการ์ตูนเป็นชุดกลางวัน ซึ่งเหมือนกับคนกัมพูชาที่พบเห็นที่เกาะกง พี่คนไทยพลัดถิ่นเล่าให้ฟังว่า เค้าไม่ได้แยกว่าชุดนอนต้องใส่เวลานอน
ตามพ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2555 ได้แยกกลุ่มคนไทยพลัดถิ่นที่เป็น “ผู้ทรงสิทธิในสัญชาติไทย” หรือจะได้รับการคืนสัญชาติไทย ด้วยเพราะคนกลุ่มนี้สืบสายโลหิตจากบรรพบุรุษที่เป็นคนไทย (หลักสืบสายโลหิต) โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.คนไทยพลัดถิ่น ตามมาตรา 3 ซึ่งนิยามว่า “คนไทยพลัดถิ่นหมายความว่า ผู้ซึ่งมีเชื้อสายไทยที่ต้องกลายเป็นคนในบังคับประเทศอื่นโดยเหตุอันเกิดจากการเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของราชอาณาจักรไทยในอดีต ซึ่งปัจจุบันผู้นั้นมิได้ถือสัญชาติประเทศอื่น และได้อพยพมาอยู่อาศัยในประเทศไทยเป็นระยะเวลาหนึ่งและมีวิถีชีวิตเป็นคนไทย โดยได้รับการสำรวจจัดทำทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรภายใต้หลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่คณะรัฐมนตรีกำหนด หรือเป็นผู้ซึ่งมีลักษณะอื่นทำนองเดียวกันตามที่กำหนดในกฎกระทรวง”ซึ่งต้องดำเนินการพิสูจน์ความเป็นคนไทยพลัดถิ่น ตามมาตรา 9/6 “ให้ผู้ซึ่งคณะกรรมการรับรองความเป็นคนไทยพลัดถิ่นให้การรับรองควมเป็นคนไทยพลัดถิ่น เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด”
2.คนไทยพลัดถิ่นที่ได้รับสัญชาติไทยก่อนวันที่ พ.ร.บ.นี้ใช้บังคับ (คนไทยพลัดถิ่นตามมาตรา 5 พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2555)
พบว่าคนไทยพลัดถิ่นที่บ้านคลองสนแห่งนี้มีผู้ทรงสิทธิทั้ง 2 กลุ่มนี้ SWIT ได้ให้ความรู้ในเรื่องผู้ทรงสิทธิ เพื่อให้ชาวบ้านได้รู้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน เพื่อจะได้ดำเนินการอะไรต่อไป แต่โดยส่วนใหญ่ ที่ถือบัตรหลักที่หก-เจ็ดเป็นเลข 63 64 65 นั้นจะเป็นผู้ทรงสิทธิกลุ่มที่หนึ่ง ที่ต้องได้รับการพิสูจน์ความเป็นคนไทยพลัดถิ่นเสียก่อน จึงจะได้คืนสัญชาติ ส่วนผู้ทรงสิทธิกลุ่มที่สอง บ้างก็ได้สัญชาติไทยโดยการแปลงสัญชาติ หรือได้ตามม.7ทวิ หรือ หากเป็นคนรุ่นที่เกิดในเมืองไทยก็จะได้สัญชาติตามมาตรา23 ไปแล้วบ้าง
คนไทยพลัดถิ่นที่เป็นเครือข่ายคนไทยพลัดถิ่น จ.ตราด จะรู้กฎหมาย และกลุ่มผู้ทรงสิทธิมีการเตรียมความพร้อมในการพิสูจน์ความเป็นคนไทยพลัดถิ่น เช่น ทำแผนผังเครือญาติไว้ เพราะคนที่อยู่ที่คลองสนก็เป็นเครือญาติกันอยู่แล้ว บางคนสามารถนำแผนพังเครือญาติของอีกครอบครัวมาเชื่อมโยงได้ ส่วนใหญ่จะใช้นามสกุลสุขสวัสดิ์ เนื่องจากบางคนแม้จะอพยพเข้ามาในไทยพร้อมกับครอบครัว แต่เมื่อมีการจัดทำบัตรประจำตัว กลับได้บัตรผู้หลบหนีเข้าเมืองเชื้อสายไทยจาก จ.เกาะกง กัมพูชา บัตรผู้หลบหนีเข้าเมืองจากกัมพูชา แต่คนอื่นๆในครอบครัวถือบัตรผู้อพยพเชื้อสายไทยจาก จ.เกาะกง ก็มี
อย่างน้อยแผนผังเครือญาติ แสดงให้เห็นความเชื่อมโยงเชื้อสายไทยของคนที่ถือบัตรประจำตัวประเภทต่างๆ รวมถึงผู้ถือบัตรประจำตัวสัญชาติไทย แตกต่างกับคนไทยพลัดถิ่นที่คลองไม้รูดซึ่งไม่รู้เรื่องกฎหมาย ไม่รู้ว่าตนเป็นผู้ทรงสิทธิตามกลุ่มไหน ไม่มีการเตรียมพร้อมพิสูจน์ความเป็นคนไทยพลัดถิ่น เพราะคิดว่าเดี๋ยวผู้ใหญ่บ้านนำเรื่องมาแจ้ง รัฐก็จะดำเนินการให้ อ.ดรุณ ไพศาลพาณิชย์กุล นักกฎหมาย สถาบันฯ (SWIT) ได้ชี้แจงกฎหมาย พ.ร.บ.สัญชาติ และสอนให้ชาวบ้านกลุ่มนี้ทำแผนผังเครือญาติ คุณลุงคนหนึ่งพูดว่า “ก็ไม่นึกว่าชีวิตนี้จะได้มีสัญชาติไทยกับเขา”
เช้าวันที่ 30 เมษายน 2555 ผู้ทรงสิทธิกลุ่มที่สอง ได้ไปสอบถามกับปลัดจิระศักดิ์ ชูแก้ว ปลัดฝ่ายทะเบียน อ.คลองใหญ่ เรื่องการเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูล เพื่อจะได้เป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิด แต่ปลัดก็แจ้งว่ายังไม่มีแนวทางปฏิบัติลงมา ยังดำเนินการให้ไม่ได้ และวันนี้เช่นกันซึ่งทราบในภายหลังว่าได้มีหนังสือ มท.0309.1/ว1910 เรื่องแนวทางปฏิบัติกรณีคนไทยพลัดถิ่นตามพระราชบัญญัติสัญชาติ(ฉบับที่5) พ.ศ.2555 ข้อ(3.3) สรุปความได้ว่า คนตามมาตรา 5 พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่5 พ.ศ.2555 จะต้องยื่นคำร้องต่อนายทะเบียนตามกฎหมายว่าด้วยการทะเบียนราษฎรเพื่อแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อมูลทะเบียนราษฎรให้ถูกต้องตรงกับสถานะที่กฎหมายให้การรับรองไว้ ซึ่งสามารถดำเนินการได้ทันทีที่พระราชบัญญัตินี้มีผลใช้บังคับ
แต่สรุปตอนท้ายหนังสือ ข้อ 2) กรณีขอเปลี่ยนแปลงสถานะเป็นผู้มีสัญชาติไทยโดยการเกิดในทะเบียนบ้าน ซึ่งใช้บังคับกับบุคคลตามมาตรา5 พ.ร.บ.สัญชาติ ฉบับที่ 5 พ.ศ.2555 นั้น ได้ระบุว่า “ขณะนี้กรมการปกครองโดยสำนักทะเบียนกลางกำลังดำเนินการพัฒนาและปรับปรุงโปรแกรมการปฏิบัติงานทะเบียนราษฎรด้วยระบบคอมพิวเตอร์”
นี่คือช่องว่างการบังคับใช้กฎหมาย แม้ พ.ร.บ.จะประกาศในราชกิจจานุเบกษา มีผลใช้บังคับแล้ว แต่ระบบราชการไทยยังไม่พร้อม ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจึงต้องช่วยกันติดตามการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อให้คนไทยพลัดถิ่นซึ่งเป็นคนสัญชาติไทยแต่ต้องตกอยู่ในสถานะความไร้สัญชาติมาอย่างยาวนานได้รับการรับรองสิทธิในสัญชาติไทยโดยการเกิด และสามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆได้โดยเร็วตามเจตนารมณ์กฎหมายใหม่