ขีดเส้น 7 วันยกเลิกคำขอ 13 สิทธิบัตรกัญชาต่างชาติ
ไร้ข้อสรุปถกแก้ปมการขอจดสิทธิบัตรสารสกัดและองค์ประกอบ 13 คำขอ “สนธิรัตน์”ลั่นไม่มีถ่วงเวลา แต่ต้องการให้ได้ข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพอใจ ด้าน “ปานเทพ”ขีดเส้น 7 วันต้องได้ข้อสรุป ยันภาคประชาชนต้องการให้ยกเลิกคำขอทั้งหมด หากไม่เลิก เตรียมฟ้องศาลให้เพิกถอน
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุม(11 ม.ค.62)ร่วมกับผู้แทนภาคประชาสังคมที่มีความเห็นต่างเรื่องการจดสิทธิบัตรกัญชาว่า ที่ประชุมได้มีการแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกันอย่างกว้างขวางในประเด็นการจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชาและสิทธิบัตรที่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบที่มีอยู่จำนวน 13 คำขอ ได้ข้อสรุปให้กรมทรัพย์สินทางปัญญาและภาคประชาสังคมไปหารือและ ทำงานร่วมกัน และแลกเปลี่ยนข้อมูลที่แต่ละฝ่ายมี เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เป็นประโยชน์สูงสุดในการแก้ไขปัญหาต่อไป
“ให้ไปพูดคุยกันเฉพาะคำขอ 13 คำขอ เพราะตอนนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายมองข้อกฎหมาย ตีความกฎหมายแตกต่างกัน ก็ให้ไปหาทางออกร่วมกันว่าจะทำอย่างไร วิธีการไหน โดยให้ดำเนินการโดยเร็วที่สุด ส่วนจะยกเลิกคำขอหรือไม่ อยู่ที่การหารือ เพราะตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าคำขอแต่ละรายการอยู่ในขั้นตอนไหน และยืนยันว่าการหาทางออกแบบนี้ ไม่ใช่การถ่วงเวลา เพราะถ้าต้องการถ่วงเวลา คงไม่เชิญทุกฝ่ายมาหารือและคงไม่เรียกประชุมในครั้งนี้”นายสนธิรัตน์กล่าว
อย่างไรก็ตาม สำหรับอีก 20 คำขอจดสิทธิบัตร ที่ไม่มีสารสกัดจากกัญชาเป็นองค์ประกอบ แต่เป็นสารสังเคราะห์และมีโครงสร้างคล้ายกัญชา ในที่ประชุม ไม่มีใครติดใจ และไม่มีปัญหาในการเข้ามายื่นจดสิทธิบัตรของต่างชาติ
นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า ภาคประชาสังคมต้องการให้กรมทรัพย์สินทางปัญญายกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร 13 คำขอในทันทีและไม่มีเงื่อนไข เพราะเป็นคำขอที่ขัดต่อพ.ร.บ.สิทธิบัตร มาตรา 5 มาตรา 9 (1) (4) (5) ขัดต่อศีลธรรม เพราะกัญชายังเป็นยาเสพติด และหากรับจดสิทธิบัตรจะเกิดความไม่เท่าเทียมกันระหว่างต่างชาติกับคนไทย ซึ่งทางออก คือ ต้องยกเลิกเท่านั้น และจะให้เวลาพิจารณาในเรื่องนี้ภายใน 7 วันต้องมีคำตอบออกมา ไม่ควรจะใช้เวลาเป็นเดือนหรือเป็นปี
“13 คำขอ ต้องยกเลิก ถ้าไม่ยกเลิกภายใน 7 วัน ได้เตรียมการฟ้องร้องไว้แล้ว จะไปฟ้องต่อศาลปกครอง หรือศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำขอจดสิทธิบัตรที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จากที่ก่อนหน้านี้ ได้ไปยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ) ให้เอาผิดอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรมาแล้ว”นายปานเทพกล่าว และว่า
ขณะนี้พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ กำลังจะมีผลบังคับใช้ หากไม่ยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตร จะทำให้ผู้จดสิทธิบัตรได้ประโยชน์ทันที และเห็นอีกว่าการจะรับจดสิทธิบัตร ต้องใช้กฎหมายภายในของประเทศเห็นหลัก ไม่ใช่ให้ข้อตกลงระหว่างประเทศมามีอำนาจเหนือกฎหมายไทย อย่างกรณีสหรัฐฯ การรับจดสิทธิบัตรสารสกัดจากกัญชา ก็ให้ทำได้หลังจากอนุญาตให้มีการใช้กัญชาทางการแพทย์แล้ว
ทั้งนี้ ภาคประชาสังคมยืนยันว่ากรมทรัพย์สินทางปัญญาจะมาอ้างว่าไม่สามารถยกเลิกคำขอจดสิทธิบัตรได้ในทันที เพราะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมายไม่ได้ เนื่องจากคำขอจดสิทธิบัตรทั้ง 13 คำขอดังกล่าว ไม่ถูกต้องมาตั้งแต่ต้น ทั้งขัดพ.ร.บ.สิทธิบัตร ผิดพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ และขัดรัฐธรรมนูญในเรื่องความไม่เสมอภาคในการจดสิทธิบัตร จึงทำได้เพียงอย่างเดียว คือ ยกเลิกคำขอทั้งหมด
ที่มา : http://www.thansettakij.com/content/373244