บุคคลแห่งปี 61 : ‘บุญทรง’ อดีตรมต.ผู้ภักดีกุมความลับคดีข้าวจีทูจี-จับตาบทสรุปปี 62
“…ประโยคสำคัญอยู่ตรงคำพูดที่ว่า “การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้ คงไม่ต้องตอบก็คงทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ” เสมือนหมัดตรงสอยเข้าปลายคาง ‘นายเก่า’ และอาจเฉลยข้อเท็จจริงบางอย่างได้ว่า ทำไมบุตรของนายบุญทรง ถึงต้องพลิกขั้วมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ...”
ในรอบปี 2561 ที่ผ่านมา มีบุคคลสาธารณะ ทั้งนักการเมือง นักกิจกรรม รวมถึงข้าราชการระดับสูงมากมาย ตกเป็นข่าวพาดหัวขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ บางรายถูกตรวจสอบดำเนินคดีทุจริต บางรายศาลตัดสินพิพากษาจำคุก หรือบางรายรอด
อย่างไรก็ดีในบรรดาบุคคลสาธารณะเหล่านั้น มีอยู่รายหนึ่งเมื่อมีชื่อปรากฏในข่าวเมื่อไหร่ ทำให้หลายฝ่ายสะเทือน และเกิดความเคลื่อนไหวออกมาตอบโต้ผ่านหน้าสื่อกันอย่างยาวนานหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือบางครั้งนับเดือน ?
ชื่อนั้นคือ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ สมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ทำไมต้องเป็นนายบุญทรง สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org มีคำตอบ ดังนี้
หลังจากปี 2560 นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 42 ปี ฐานทุจริตในคดีระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ทำให้เกิดความเสียหายหลายหมื่นล้านบาท พร้อมกับนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ โดนคุก 36 ปี ร่วมกับอดีตข้าราชการระดับสูงในกระทรวงพาณิชย์ เครือข่ายบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด และนายอภิชาติ จันทร์สกุลพร อดีตพ่อค้าข้าวชื่อดัง
ในวันพิพากษาคดีนี้ เป็นวันเดียวกับศาลฯนัดพิพากษาคดีไม่ระงับยับยั้งความเสียหายในโครงการรับจำนำข้าวที่มี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลยด้วย โดยศาลฯนัดคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในช่วงเช้า และนัดคดีนายบุญทรง ในช่วงบ่าย
สัญญาณเริ่มไม่ดีมาตั้งแต่ช่วงเช้า เมื่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่มาฟังคำพิพากษาตามนัด ทำให้ศาลเลื่อนอ่าน และออกหมายจับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะที่ช่วงบ่ายได้อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตระบายข้าวจีทูจีต่อ ก่อนพิพากษาจำคุกนายบุญทรง กับพวก ตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปแล้ว
นั่นเป็น ‘ฟางเส้นแรก’ ที่อาจทำให้นายบุญทรงรู้สึกว่า ‘โดนหักหลัง’ จากเจ้านายเก่า ทั้งเจ้านายที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และเจ้านายอีกคนหนึ่งที่เป็นคนคุมกลุ่มก๊วนที่นายบุญทรงสังกัดอยู่ภาคเหนือ เพราะไม่มีการส่ง ‘ซิก’ บอกก่อนหน้านี้ ทำให้ตัวเองต้องติดคุกอยู่คนเดียว ?
@ ขอบคุณภาพข่าวจากไทยโพสต์
วิบากกรรมของนายบุญทรง ยังไม่จบลงแค่นี้ เพราะยังเหลือคดีสำคัญอีกอย่างน้อย 2 คดีปักหลังอยู่ ได้แก่ การระบายข้าวจีทูจีล็อตสอง อีก 4 สัญญา มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท และคดีระบายมันสำปะหลัง (มันเส้น) แบบจีทูจี ทั้ง 2 คดีนี้ปรากฎชื่อของนายบุญทรง เป็นผู้ถูกกล่าวหาเช่นกัน ปัจจุบันอยู่ระหว่างการไต่สวนข้อเท็จจริงในชั้นคณะอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ช่วงเวลาหลายเดือนหลังจากนายบุญทรงติดคุกในคดีดังกล่าว แทบไม่ปรากฏข่าวว่ามี ‘นายเก่า’ เดินทางไปเยี่ยมเยือน หรือส่งกำลังใจไปให้ แม้แต่ช่วยเหลือทางด้านกฎหมาย ทั้งที่สมัยเป็น รมว.พาณิชย์ ทำงานที่ ‘บอกไม่ได้’ อย่างแข็งขันมาโดยตลอด ?
ด้วยผลตอบแทนแบบนี้ อาจเป็น ‘ฟางเส้นสุดท้าย’ จนเกิดกระแสข่าวสะพัดว่า นายบุญทรง ยอมปริปากพูดกับเจ้าหน้าที่จากสำนักงาน ป.ป.ช. ที่เข้าไปสอบปากคำถึงในคุก หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ สื่อวิทยุ-โทรทัศน์เกือบทุกแห่ง ตีข่าวนี้ตรงกัน และไล่ถามรายละเอียดจากบุคคลที่เกี่ยวข้อง จนลากยาวประเด็นนี้มานานหลายสัปดาห์
ถึงจุดนี้หลายคนจึงโฟกัสว่า ตัวละครสำคัญที่อยู่เบื้องหลังคดีระบายข้าวจีทูจี ทั้ง 2 ล็อต เป็นใคร นายบุญทรงได้ให้ข้อมูลตรงนี้กับ ป.ป.ช. หรือไม่ ?
ฟากฝั่ง ป.ป.ช. ไม่ได้ปฏิเสธ แต่ไม่ได้ยอมรับว่า บุคคลผู้อยู่เบื้องหลังคดีระบายข้าวจีทูจีทั้ง 2 ล็อตเป็นใคร แต่ยอมรับว่า กรณีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ไปสอบปากคำจำเลยในคุกเป็นเรื่องปกติ ทำได้ตามกฎหมาย และมีการเพิ่มผู้ถูกกล่าวหาในคดีระบายข้าวจีทูจีแล้ว แต่ไม่สามารถบอกชื่อได้ เนื่องจากขัดกับกฎหมายใหม่ ป.ป.ช.
ส่วนฝ่ายพรรคเพื่อไทย ได้ทีออกมาโหมโรงว่า คดีนี้จะกลายเป็นคดีทางการเมือง และให้รอจับตาดูในช่วงเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ อาจมีบทสรุปบางอย่างออกมา ?
@ ภาพประกอบนายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง จาก https://twitter.com/thapanee3miti
การณ์กลับพลิกผัน เมื่อนายเดชณัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ บุตรชายนายบุญทรง พลิกขั้วย้ายเข้าซบพรรคพลังประชารัฐ ที่เรียกว่าอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเพื่อไทยโดยสิ้นเชิง พร้อมบทสัมภาษณ์ที่อาจไขคำตอบบางอย่างได้ โดยนายเดชณัฐวิทย์ ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องย้ายมาอยู่พรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากรับไม่ได้ที่ ‘บิดา’ ถูกบางฝ่ายนำไปโหมโจมตีทางการเมือง ทั้งที่ข้อเท็จจริงคือป่วย และต้องเข้ารับการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
ประโยคสำคัญอยู่ตรงคำพูดที่ว่า “การที่คุณพ่อเป็นอยู่ทุกวันนี้ คงไม่ต้องตอบก็คงทราบว่าเป็นเพราะอะไร ทุกวันนี้พอเราต้องการความช่วยเหลือ ดันมาขี่ซ้ำ”
เสมือนหมัดตรงสอยเข้าปลายคาง ‘นายเก่า’ และอาจเฉลยข้อเท็จจริงบางอย่างได้ว่า ทำไมบุตรของนายบุญทรง ถึงต้องพลิกขั้วมาอยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
ช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีกระแสข่าวสะพัดเช่นกันว่า ‘เจ๊’ ผู้มากบารมีคุมกลุ่มก๊วน ‘พรรคสีแดง’ ในภาคเหนือ อาจหลบหนีออกจากประเทศไทยไปแล้ว เพราะกังวลว่า หากนายบุญทรงให้ปากคำอะไรกับ ป.ป.ช. อาจถูกซัดทอดอะไรบางอย่างได้ ?
สื่อมวลชนตีข่าวนี้อยู่หลายวัน แม้แต่บุคคลใกล้ชิด ‘เจ๊’ คนดังกล่าว ยังไม่สามารถการันตีได้ว่ายังอยู่ไทย หรือว่าไปต่างประเทศแล้ว
ด้วยเหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ ทำให้สำนักข่าวอิศรา ยกให้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ เป็นบุคคลแห่งปี 2561 จากอดีต รมว.พาณิชย์ ผู้รับใช้นายเก่าอย่างแข็งขัน จนต้องติดคุกติดตะราง เหลืออดจนถึงขั้นต้องยอมปริปากบอก ‘ความลับ’ ที่เก็บงำมานานแก่ ป.ป.ช.
จับตาปี 2562 คดีระบายข้าวจีทูจีล็อต 2 รวมถึงคดีระบายมันเส้นจีทูจี อาจมีบทสรุป รวมถึงเปิดเผยชื่อผู้ถูกกล่าวหาใหม่ ๆ ออกมาหรือไม่ ?
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/