'กรณ์'แจงนโยบายเกิดปั๊บรับแสน-จำเป็นเพื่อเด็กจะได้กินดีขึ้น
ประชาธิปัตย์ ชี้แจงนโยบายเกิดปั๊บได้รับเงินแสน-ผลวิจัยหนุนจำเป็นมากเพื่อเด็กไทยจะได้รับโภชนาการที่ดีขึ้น
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. หลังจากที่วานนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ นำทีมแถลงประกาศนโยบายการศึกษา โดยหนึ่งประเด็นที่ถูกกล่าวถึงมากคือ เกิดปั๊บรับสิทธิ์เงินแสน ซึ่งเป็นเบี้ยเพื่อช่วยเหลือเด็กเล็กเดือนละ 1,000 บาท โดยคนส่วนใหญ่มองว่านโยบายของพรรคฯในการแจกเงินนี้เหมาะสมหรือไม่
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าตามภารกิจพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊กชี้แจงว่า
"นโยบายการศึกษาของพรรคที่ประกาศไปเมื่อเช้าถือว่าแรงมาก และเรามั่นใจว่าหากมีโอกาสได้ผลักดันนโยบายตามที่เสนอ จะทำให้การศึกษาบ้านเราเปลี่ยน เด็กไทยจะแข็งแรงขึ้น เก่งขึ้น และมีทักษะที่ช่วยเขาเผชิญกับโลกยุคใหม่ได้ดีขึ้น
ประเด็นที่ฮือฮามากมีสองเรื่อง เรื่องแรกคือ ‘เกิดปั๊บได้สิทธิรับเงินแสน’ ซึ่งหมายถึงการรับเบี้ย เด็กเข้มแข็ง 5,000 บาท เดือนแรก และเดือนละ 1,000 บาทจากนั้นไปจนเด็กครบอายุ 8 ปี (รวมเป็น 1 แสนบาท)
มีคำถามมามากว่า แจกเงินแบบนี้ดีหรือ? ผมขอชี้แจงง่ายๆว่า เงินเดือนละพันมีคำถามเยอะที่สุด แต่จริงแล้วทางวิชาการเป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่สุดเรื่องหนึ่ง วัตถุประสงค์คือช่วยเป็นค่าอาหารให้เด็กไทยมีโภชนาการที่ดีขึ้น ช่วงที่สำคัญมากคือช่วง 8ปีแรก ซึ่ง 1,000 บาทต่อเดือนนักวิชาการ TDRI ยังบอกว่าน้อยไป (1,000/30วัน/3มื้อ = มื้อละ 11บาท) เด็กไทยถึงไม่พัฒนา
ส่วนที่ให้ 'ถ้วนหน้า' เพราะจากประสบการณ์ รัฐไม่เก่งเรื่องการคัดกรอง คือคัดแล้วคนจนจริงจะไม่ได้สิทธิเสียเยอะ ยิ่งมีเงื่อนไขมากคนจนจริงยิ่งเข้าถึงยาก TDRI จึงแนะนำว่าให้ถ้วนหน้า ดีกว่า แล้วเราจะตั้งกองทุน ใครสละสิทธิเอาใส่ทุนกลับไปช่วยเด็กยากจน
ส่วนเรื่อง ปวส.ไว้ผมอธิบายต่างหาก แต่สั้นๆคือเป็นวิธีส่งเสริมให้เด็กไทยเรียนสายวิชาชีพมากขึ้นเทียบกับสายสามัญ"