เอดีบีจับมือบี. กริม เพาเวอร์ฯ ลงทุนพันธบัตรสีเขียว พัฒนาพลังงานสะอาดในไทย
วันที่ 11 ธันวาคม 2561 ธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) จับมือกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) เพื่อจะลงทุนในพันธบัตรสีเขียว (Green Bond) มูลค่า 5 พันล้านบาท (155 ล้านเหรียญสหรัฐ) ระยะ 5 และ 7 ปี ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยที่มีการออกพันธบัตรด้านภูมิอากาศ (Climate Bond) เงินลงทุนดังกล่าวจะนำไปใช้สำหรับโครงการพลังงานทดแทนในประเทศไทยของบริษัท บี. กริม เพาเวอร์ฯ ซึ่งเป็นการนำร่องการดำเนินงานแบบคาร์บอนต่ำ อันเป็นหนทางไปสู่การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
“การออกพันธบัตรครั้งนี้จะสนับสนุนให้เกิดการพัฒนาของตลาดพันธบัตรสีเขียวในประเทศไทย ซึ่งจะแสดงให้เห็นถึงวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศระดับสากลในการจัดการกับพันธบัตรสีเขียวและพันธบัตรด้านภูมิอากาศที่แท้จริง” นางปรียนาถ สุนทรวาทะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท บี. กริม เพาเวอร์ฯ กล่าว “การสนับสนุนของเอดีบีได้ช่วยให้พันธบัตรที่ออกมาเป็นไปตามหลักการพันธบัตรสีเขียวของสมาคมตลาดทุนระหว่างประเทศ (International Capital Markets Association Green Bond Principles) และเป็นไปตามมาตรฐานของ Climate Bond Initiative ซึ่งเป็นความช่วยเหลือที่ประเมินค่าไม่ได้และก่อให้เกิดความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นผ่านการทำงานร่วมกันมายาวนาน”
“หากไม่นำปัจจัยอื่นใดมาพิจารณา พันธบัตรสีเขียวนี้จะช่วยให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายในการลดก๊าซเรือนกระจกลงถึง 20% ภายในปี 2573” นายไมเคิล แบโรล ผู้อำนวยการสำนักปฏิบัติการภาคเอกชนของเอดีบี กล่าว “บี. กริม เพาเวอร์ฯ เป็นผู้ริเริ่มในด้านพลังงานหมุนเวียนและการเติบโตแบบคาร์บอนต่ำในประเทศไทย อีกทั้งยังมีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ในภูมิภาค และเอดีบีมีความยินดีที่ได้เป็นหุ้นส่วนระยะยาวในการช่วยผลักดันให้บรรลุเป้าหมายนี้”
การออกพันธบัตรสีเขียวครั้งนี้จะนำไปใช้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการอยู่แล้วจำนวน 9 แห่ง มีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 67.7 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 7 แห่งในประเทศไทย กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 30.8 เมกะวัตต์
การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นโครงการการลงทุนในพันธบัตรสีเขียวครั้งที่สองของเอดีบี โดยครั้งแรกเป็นการสนับสนุนผ่านการค้ำประกันการออกพันธบัตรสีเขียวให้กับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพ (geothermal power) ที่ Tiwi และ Makban ในฟิลิปปินส์ เมื่อปี 2559 ซึ่งถือเป็นการออกพันธบัตรสีเขียวครั้งแรกของประเทศ
ทั้งนี้ การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นการทำธุรกรรมครั้งที่สามระหว่างเอดีบีและบี. กริม เพาเวอร์ฯ โดยในปี 2560 เอดีบีได้ลงทุนในหุ้นที่เสนอขายใหม่ (IPO) ของ บี. กริม เพาเวอร์ฯ และในช่วงต้นปีที่ผ่านมานี้ เอดีบีได้ลงนามในสัญญาเงินกู้กับบริษัทเพื่อสนับสนุนการขยายธุรกิจในด้านการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานทดแทนและการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายตัวที่มีการผลิตและบริโภคไฟฟ้าเบ็ดเสร็จในแต่ละพื้นที่ ให้ออกสู่ตลาดทั่วทั้งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
บริษัท บี. กริม เพาเวอร์ฯ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2536 และเป็นหนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าภาคเอกชนรายใหญ่ที่สุดของไทย ซึ่งมีศักยภาพการผลิตไฟฟ้ารวม 2,045 เมกะวัตต์ สำหรับการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ 15 แห่ง ในช่วงปีที่ผ่านมานี้ บี. กริม เพาเวอร์ฯ ได้เริ่มขยายธุรกิจสู่ตลาดพลังงานทดแทน โดยปัจจุบันมีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ดำเนินการอยู่แล้วจำนวน 15 แห่ง ทั้งนี้ จากความสำเร็จและศักยภาพในการขยายธุรกิจภายในอาเซียน บี. กริม เพาเวอร์ฯ วางแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานทดแทนจาก 10% ให้ถึง 30% ภายในปี 2564
การลงทุนในครั้งนี้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์เอดีบี 2573 (Strategy 2030) ซึ่งกำหนดให้อย่างน้อย 75% ของการดำเนินงานทั้งหมดที่วางแผนไว้ เป็นการสนับสนุนการบรรเทาผลกระทบและการปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้มีการจัดสรรเงินสนับสนุนโครงการเพื่อสภาพภูมิอากาศจากแหล่งเงินทุนของเอดีบีเอง เป็นมูลค่า 80 พันล้านเหรียญสหรัฐ ระหว่างปี 2562 – 2573
เอดีบีมุ่งมั่นในการพัฒนาภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิกให้เจริญรุ่งเรือง มีการพัฒนาอย่างทั่วถึง พร้อมรับความเปลี่ยนแปลง และมีความยั่งยืน ในขณะเดียวกัน ยังคงพยายามในการขจัดปัญหาความยากจนต่อไป เอดีบีก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2509 มีประเทศสมาชิกทั้งหมด 67 ประเทศ โดย 48 ประเทศ มาจากประเทศในภูมิภาค ในปี 2560 การดำเนินงานของเอดีบีมีมูลค่ารวมทั้งหมด 32.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงการให้กู้ร่วมจำนวน 11.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ