สกว.หนุน อบจ.เก็บภาษีน้ำมันเอง เพิ่มยอดเงินพัฒนาท้องถิ่น ลดการพึ่งพารัฐส่วนกลาง
สกว.หนุน อบจ.จัดเก็บภาษีน้ำมันเองแทนกรมสรรพสามิต แก้ปัญหาการคลังท้องถิ่น-พึ่งพาเงินอุดหนุนจากส่วนกลาง นำรายได้ไปพัฒนาพื้นที่เต็มเม็ดเต็มหน่วย นำร่องที่ อบจ.นครราชสีมา ขอนแก่น อุบลราชธานี ฉะเชิงเทรา พิษณุโลก สุราษฎร์ธานี จัดเก็บภาษีได้เพิ่ม เตรียมขยายผลอีก 9 อบจ.
ฝ่ายชุมชนและสังคม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.) เปิดเผยว่า ได้ทำโครงการส่งเสริมและสนับสนุนให้องค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)จัดเก็บภาษีน้ำมันเอง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาในด้านการคลังขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เนื่องจากการให้กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีน้ำมันนั้น อบจ.ไม่สามารถจะทราบยอดในส่วนของรายละเอียดของผู้เสียภาษี ไม่ทราบปัญหาต่างๆในการจัดเก็บ และจึงเกิดความไม่แน่ใจว่ายอดเงินภาษีที่ได้นั้นเป็นจำนวนเงินที่ถูกต้อง ทั้งยังไม่สามารถจะกำหนดระยะเวลาส่งเงินภาษีให้กับ อบจ.ได้ ทำให้การวางแผนเพื่อใช้เงินในการพัฒนาท้องถิ่นเป็นไปได้ยาก และโดยภาพรวมทำให้ อบจ.ไม่ได้รับผิดชอบการจัดเก็บภาษีเอง และตกอยู่ในสภาพพึ่งพารัฐส่วนกลางในการอุดหนุนเงินเพื่อพัฒนาท้องถิ่น
กระบวนการทำงานของโครงการ ได้ทำการศึกษาข้อมูลเบื้องต้นของสถานค้าปลีกน้ำมันทั้งหมดที่มีภายในจังหวัด, ยอดจัดเก็บภาษีน้ำมันโดยกรมสรรพสามิตต่อปี, รายได้ที่กรมสรรพสามิตจัดส่งให้กับ อบจ. และข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงวางแผนร่วมกับ อบจ.ในการสร้างความเข้าใจกับผู้ประกอบการสถานค้าปลีกน้ำมันในจังหวัดว่า อบจ.จะดำเนินการจัดเก็บภาษีเอง เนื่องจากภาษีที่ได้จะเต็มเม็ดเต็มหน่วย รายได้ที่ได้สามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อพัฒนาและแก้ปัญหาของท้องถิ่น ทำให้ผู้ประกอบการเห็นว่าภาษีที่เสียไปทุกบาททุกสตางค์นั้นเพื่อท้องถิ่นที่อาศัยอยู่จริง
ทั้งนี้การที่ อบจ.จัดเก็บภาษีน้ำมันเองนั้น สามารถกำหนดอัตราภาษีได้โดยอิสระ แต่ต้องไม่เกินอัตราที่กฎหมายกำหนดคือ 10 สตางค์ต่อลิตร ซึ่งได้มีพื้นที่นำร่องได้แก่ อบจ.นครราชสีมา,อบจ.ขอนแก่น, อบจ. อุบลราชธานี, อบจ.ฉะเชิงเทรา, อบจ.พิษณุโลก และ อบจ.สุราษฎร์ธานี ผลปรากฏว่า อบจ.เป้าหมายจำนวน 4 แห่ง สามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น และมีจำนวนผู้เสียภาษีเพิ่มขึ้น และจะมีการขยายผลพื้นที่ไปยัง อบจ.อีกจำนวน 9 แห่งที่สนใจเข้าร่วมโครงการ ได้แก่ อบจ.ภูเก็ต อบจ.พังงา, อบจ.สงขลา, อบจ.อยุธยา, อบจ.จันทบุรี, อบจ.ตราด, อบจ.สมุทรปราการ, อบจ.นครนายก และ อบจ.ลพบุรี.