เดินตามพ่อ ต้นแบบสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา
สสส.-สถ.หนุน อปท.สร้างสนามเด็กเล่นทั่วไทย ภายใต้แนวคิด “เล่นตามพ่อ ร.9” ตอบสนองการพัฒนาคนตามยุทธศาสตร์ชาติ ตั้งเป้าขยายผลโครงการให้ครอบคลุม อปท. 7,800 แห่งทั่วประเทศ
เมื่อครั้งวัยเยาว์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเล่นกับรัชกาลที่ 8 และพระพี่นาง ด้วยเครื่องเล่นอย่างง่ายๆ ที่สมเด็จย่าทำให้จากสิ่งของที่มีอยู่ตามธรรมชาติใกล้ตัว เช่น กองดินกองทราย ปีนต้นไม้ ปีนเชือก หรือ สระว่ายน้ำ แค่มีของมาลอยน้ำทั้งสามพระองค์ก็ละเล่นอย่างมีความสุข
การละเล่นของพระองค์ ได้เป็นแบบอย่างการเล่นของเด็กไทย ว่าพัฒนาการดีได้ต้องมาจากการเล่นอย่างสนุกและมีความสุข ไม่จำเป็นต้องมีเครื่องเล่นราคาแพงหรือใช้เทคโนโลยีเสมอไป
มูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา จึงได้นำการเล่นของรัชกาลที่ 9 มาเป็นแนวคิดในการออกแบบ “สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา” ที่สร้างปัญญา เสริมสร้างพัฒนาการให้เด็กได้ทุกช่วงอายุ
โครงการพัฒนาการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย ด้วยสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาโดยชุมชนท้องถิ่น เกิดขึ้นจากความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) และมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา
นายธวัชชัย ฟักอังกูร ประธานคณะกรรมการบริหารแผน คณะที่ 3 สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สสส.กล่าวถึงสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา เป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมเด็กปฐมวัย ให้มีความรู้ทางกาย ทางใจ เกิดสติปัญญาสามารถเรียนรู้ต่อยอด สามารถใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็ง ถือเป็นการเตรียมบุคลากรที่สำคัญของชาติ ให้สมบูรณ์พร้อมทั้งร่างกาย อารมณ์ สังคม และสติปัญญา
โดยในสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาจะฟูมฟักความคิดและหล่อหลอมความเป็นมนุษย์ให้เด็กๆ ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ที่สำคัญ เด็กได้มีความสุขในการมาเล่นมาเรียน
“โครงการนี้จะเป็นการสร้างต้นแบบให้กับพื้นที่อื่นๆ ซึ่งการดำเนินงานเป็นการรวมพลังจากทุกภาคส่วนที่มาช่วยกันดูแลเด็ก ดังนั้นนี่จึงเป็นแนวทางในการตอบสนองต่อยุทธศาสตร์ชาติในเรื่องบุคลากรได้อย่างยั่งยืน” นายธวัชชัย ระบุ
สำหรับหัวใจสำคัญของ "สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา" คือ ใช้อุปกรณ์ ทรัพยากรในท้องถิ่น ตลอดจนใช้คนในท้องถิ่นมาช่วยกันทำ เพื่อให้คนในท้องถิ่นได้ตระหนักว่าสามารถดูแลสิ่งต่างๆ อย่างเช่นคุณภาพชีวิตของประชาชนได้ด้วยท้องถิ่นเอง มากกว่าพึ่งพาราชการ
ยิ่งหากมีชุมชนลักษณะนี้หลายๆ แห่ง ท้องถิ่นก็จะมีความเข้มแข็ง จนนำไปสู่ความเข้มแข็งของประเทศชาติได้
ในส่วนของท้องถิ่น นายทวี เสริมภักดีกุล รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) ชี้ว่า สถ.มีหน้าที่ดูแลเด็กระดับปฐมวัยในท้องถิ่นต่างๆ เกือบ 1 ล้านคน ผ่านทางศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเกือบ 2 หมื่นแห่งทั่วประเทศ ซึ่งสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาจึงมีความจำเป็น เพื่อสร้างพัฒนาการที่ดีให้กับเด็กวัย 2-5 ขวบ
ปัจจุบันทางสถ.ได้คัดเลือก อปท.จำนวน 12 แห่งให้เป็นพื้นที่"ต้นแบบ" ในการสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา โดยทั้งหมดจะต้องเป็นพื้นที่ศึกษาดูงาน ทั้งภาคทฤษฎีและปฏิบัติของภาคีเครือข่ายทั้ง 76 จังหวัด
ทั้งนี้ในปี 2562 สถ.ได้จัดสรรงบประมาณให้อปท.จำนวน 500 แห่งๆ ละ 1 แสนบาท เพื่อจัดสร้างสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาในพื้นที่ของตนเอง และในปีต่อๆ ไปตั้งเป้าที่จะให้มีครบทุก อปท. ทั้ง 7,800 แห่ง
“สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาจะเป็นประโยชน์ต่อชุมชน โดยเฉพาะเด็กซึ่งจะเป็นเหมือนสวรรค์ให้กับเด็กๆ และสร้างบรรยากาศการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ซึ่งเราจะเห็นได้จากพื้นที่ๆมีการก่อสร้างไปแล้ว เด็กและคนในชุมชนมีรอยยิ้มและความสุขกันทุกคน” นายทวี กล่าวถึงโครงการนี้ทิ้งท้าย
“สนามเด็กเล่นสร้างปัญญา คือ สนามเด็กเล่นที่ใช้เครื่องเล่นตามธรรมชาติ มีอิสระ เป็นเครื่องเล่นปลายเปิด คือ ไม่ต้องสมบูรณ์แบบมากมายหรือเป็นเครื่องเล่นที่เล่นในลักษณะเดียว แต่ให้ผู้เล่นได้คิดได้ดัดแปลงวิธีการเล่นด้วยตัวเอง” อาจารย์ดิสสกร กุนธร ประธานมูลนิธิสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา อธิบายถึงแนวคิดของสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาการใช้ธรรมชาติ ต้นไม้ ใบหญ้า ดินทราย เป็นหลักวัตถุดิบที่ไม่ต้องลงทุน
อาจารย์ดิสสกร ย้ำว่า แม้กระทั่งต้นกล้วยในบ้านก็เล่นได้ แต่ตอนนี้ทุกคนกลับคิดว่าธรรมชาติเป็นศัตรู ทั้งๆ ที่ ความเป็นจริงแล้ว เด็กต้องการธรรมชาติ และของเล่นที่สำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ ที่จะอยู่จะเล่นกับเขาให้เขาได้รับความอบอุ่นและมีความสุข
“เดี๋ยวนี้เรากลับเห็นการทิ้งลูกไปทำงานหาเงินเพื่อส่งลูกเรียนสูงๆ จะได้เป็นเจ้าคนนายคน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิด เด็กที่ไม่ได้อยู่กับพ่อแม่ ไม่ได้เล่นอย่างมีความสุข อยู่กับเทคโนโลยี ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับสังคม โตมาก็จะเป็นเหมือนหุ่นยนต์ เหมือนวัตถุที่ไม่มีหัวใจ เต็มไปด้วยความเครียด ป่วยเป็นโรคต่างๆ อาจมีแนวคิดอยากทำร้ายหรือทำลายสิ่งของต่างๆ และอาจจะหนักถึงขั้นทำลายสังคมได้” อาจารย์ดิสสกร ให้ความเห็น
ดังนั้นเขาจึงตั้งคำถามต่อไปว่า ทำอย่างไรที่เด็กไทยเก่งเหมือนรัชกาลที่ 9 ซึ่งเป็นคำถามที่ว่าสมเด็จย่าเลี้ยงพระโอรสและพระธิดาด้วยวิธีไหนและอย่างไร ถึงฉลาดรอบรู้ ทรงมีพระปรีชาสามารถ ทำงานเพื่อแผ่นดิน และทรงเสียสละได้ คำตอบ คือ การเล่นด้วยปัญญาในวัยเยาว์
แนวคิดของสนามเด็กเล่นสร้างปัญญาจึงเต็มไปด้วยของเล่นทางวิทยาศาสตร์ในธรรมชาติ การทำประปาภูเขา เล่นน้ำแล้ง น้ำท่วม การดัดแปลงธรรมชาติ ซึ่งในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงเล่นลักษณะนี้มาก่อน ฉะนั้นในรัชสมัยของพระองค์ท่านจึงสร้างเขื่อน สร้างฝาย เรียนรู้ตั้งแต่ต้นทางและปลายทาง ตลอดจนเกิดโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริมากมายที่สร้างประโยชน์สุขแก่ราษฎร
“เด็กไทยทุกคนจึงต้องเล่นและเรียนรู้กับธรรมชาติ ได้ออกแบบได้คิดการเล่นด้วยตนเอง ให้เขาเล่นเนินดิน เนินทราย น้ำ ปีนต้นไม้ เจ็บนิดหน่อยบ้างไม่เป็นไร เขาจะได้แข็งแรงทั้งร่างกายและจิตใจ มีภูมิคุ้มกันในชีวิต” อ.ดิสสกร ตอกย้ำ
ที่มาภาพ:Page.สนามเด็กเล่นสร้างปัญญาโดยท้องถิ่น