ภาคีฯ ขยายผล "โพลต้านโกง" สำรวจความคิด ปชช. กับนโยบายป้องกันทุจริตของพรรคการเมือง
ม.หอการค้าฯ -องค์กรACT-มูลนิธิเพื่อคนไทย เเถลงผลประชุมภาคีเครือข่ายขยายผล "โพลต้านโกง" สำรวจความคิด ปชช. ต่อนโยบายต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมือง เริ่มสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่าง 3 พันคน พร้อมสอบถามผ่านออนไลน์
วันที่ 28 พ.ย. 2561 มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT และมูลนิธิเพื่อคนไทย แถลงข่าวการประชุมความร่วมมือภาคีเครือข่ายร่วมขยายผล “โพลต้านโกง” ณ ห้องกมลมาศ ชั้น 6 รร.เดอะสุโกศล กรุงเทพฯ
นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวถึงบทบาทสร้างพลังประชาชนตื่นรู้สู้โกงเเละรณรงค์การต่อต้านคอร์รัปชัน โดยการเลือกตั้งปีหน้า พรรคการเมืองทั้งใหม่เเละเก่าต้องมีนโยบายในการหาเสียง ดังนั้นทำอย่างไรให้เสียงประชาชนในเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันได้ถูกรับฟังเเละนำไปเป็นนโยบาย อย่างไรก็ตาม ในอดีตที่ผ่านมามีพรรคการเมืองน้อยมากที่จะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเป็นนโยบายหลัก
พร้อมกันนี้คาดหวังให้ภาคประชาชนเห็นเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชันเป็นเรื่องใหญ่ที่สำคัญ เเละภาคีเครือข่ายจะทำให้พรรคการเมืองนำไปเป็นนโยบาย รวมถึงจะติดตามผลลัพธ์ในภายหลังว่า สิ่งที่ประชาชนต้องการในเรื่องดังกล่าวคืออะไร เเละนักการเมืองปฏิบัติได้อย่างไร
ประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย)
ด้านดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่ามหาวิทยาลัยหอการค้าไทยทำการสำรวจดัชนีสถานการณ์คอร์รัปชันไทย (CSI) มา 8 ปี แม้โดยภาพรวมจะดีขึ้นคือจากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 35 ในปี 2553 สูงขึ้นเป็นร้อยละ 55 ในปีนี้ แต่ยังมีปัญหาอีกมากที่รอการแก้ไข และจากผลสำรวจล่าสุดของปีนี้ พบว่า ประชาชนร้อยละ 99 ไม่ทนต่อการคอร์รัปชัน กับร้อยละ 86 บอกว่า พร้อมจะมีส่วนร่วมในการป้องกันต่อต้านการทุจริต โพลต้านโกงนี้จึงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะไปเสริมสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน ให้เป็นเจ้าของประเด็นต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่แรก และหากพรรคการเมืองรับข้อเสนอของผลโพลไปเป็นนโยบาย ย่อมเท่ากับว่า สังคมไทยเกิดนโยบายการแก้ปัญหาคอร์รัปชันในระบบมาจากการฟังเสียงประชาชน
“โพลต้านโกง” หรือ “โครงการสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่อนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมืองไทยในการเลือกตั้ง 2562” นั้น มีประชากรเป้าหมายเป็นประชาชนทั่วไป ขนาดตัวอย่างไม่น้อยกว่า 3,000 ตัวอย่าง โดยมีสัดส่วนกลุ่มที่จะได้มีโอกาสเลือกตั้งครั้งแรกกับกลุ่มที่เคยเลือกตั้งมาแล้วคิดเป็นสัดส่วน 1: 6 กระจายจำนวนตัวอย่างทั่วประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ และปริมณฑล ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคกลาง ภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ เกี่ยวกับความคาดหวังต่อการขับเคลื่อนงานต่อต้านคอร์รัปชันของพรรคการเมืองและนักการเมือง ในด้าน (1) การขับเคลื่อนนโยบายระดับประเทศ (2)การขับเคลื่อนการทำงานของพรรคการเมือง และ (3) การปฏิบัติตนของนักการเมือง ระยะเวลาโครงการ 30 วัน เริ่มตั้งแต่ 16 พฤศจิกายน ถึงวันที่ 15 ธันวาคม
ขนานกันไป ยังมีการสำรวจในช่องทางออนไลน์ ผ่านเวบไซต์ www.แจกการบ้านนักการเมืองต้านโกง.com ในช่วงวันที่ 1-14 ธันวาคม คาดว่าจะได้จำนวนประชากรเป้าหมายอย่างน้อย 5,000 คน และจะมีการแบ่งปันข้อมูลข่าวสารเพื่อให้เกิดการกระจายโพลออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ผ่านช่องทางออนไลน์ของภาคีเครือข่ายต่างๆ ซึ่งบริหารจัดการโดยมูลนิธิเพื่อคนไทย ในภาพรวมคาดว่าโพลต้านโกงจะสามารถรวมเสียงของประชาชนได้ไม่น้อยกว่า 8,000 ตัวอย่าง ถือเป็นจำนวนที่มีความน่าเชื่อถือในทางสถิติ
ดร.เสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
ขณะที่ นายวิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย กล่าวเสริมถึงเสียงของประชาชนจะเป็นเงื่อนไขสำคัญให้พรรคการเมืองนำเรื่องของการต่อต้านคอร์รัปชั่นไปทำเป็นนโยบาย ซึ่งโพลต้านโกง จึงเป็นการรวมเสียงอย่างเป็นหลักการ
ทั้งนี้ กระบวนการของโพลต้านโกงมีหลายขั้นตอน และเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่าย การจะสำเร็จได้ต้องอาศัยความร่วมมือของหลายองค์กร เริ่มจากองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ ผู้มีพันธกิจหลักในการสร้างเสริมพลังประชาชนร่วมต้านโกง และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเครื่องมือสำรวจวิจัย ขณะที่มูลนิธิเพื่อคนไทยจะมุ่งเน้นเชื่อมโยงภาคีเครือข่ายให้เข้ามาช่วยกันขยายผลโพล เพื่อให้กระบวนการต่างๆ สมบูรณ์ขึ้น เพราะต้องอาศัยภาคีเครือข่ายจำนวนมากช่วยกันกระจายเสียงของประชาชนที่โพลรวบรวมไว้สู่สาธารณะแล้วให้พรรคการเมืองนำไปเป็นนโยบาย
ดังนั้น กระบวนการทำงานนำไปสู่ผลลัพธ์ ไม่ได้จบแค่ “ผลโพล” ยังมีเรื่องการติดตามพันธสัญญานักการเมืองอย่างต่อเนื่อง หลังเลือกตั้งด้วย จึงเป็นที่มาของการประชุมภาคีเครือข่ายในวันนี้ ประกอบด้วย เครือข่ายสื่อมวลชน เครือข่ายวิชาการ เครือข่ายคนรุ่นใหม่ และเครือข่ายภาคประชาชน ร่วมขยายผลใน 3 ด้าน ได้แก่ (1) ช่วยแชร์โพลออนไลน์ให้เข้าถึงประชาชนมากที่สุด ในช่วงวันที่ 1-14 ธ.ค. (2) ร่วมกระจาย “ผลโพล” หรือข้อเสนอของประชาชน ในวงกว้างในรูปแบบต่างๆ อาจจะเป็นเวทีสาธารณะ หรือกิจกรรมอื่นใด ให้เกิดพันธะสัญญาสู้โกงของพรรคการเมือง ในช่วงมกราคมและกุมภาพันธ์ ก่อนการเลือกตั้ง 2562 (3) ร่วมติดตามตรวจสอบ “คำสัญญานักการเมือง” อย่างต่อเนื่องหลังเลือกตั้ง
อนึ่ง ภาคีเครือข่ายที่ตอบรับให้ความร่วมมือแล้วเรื่องการกระจายโพลออนไลน์ ส่วนใหญ่เป็นภาคีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ได้แก่ สถาบันเช้นจ์ฟิวชัน ฯ เครือข่ายทีวายพีเอ็น เลิร์น เอ็ดดูเคชั่น อา-ชีฟ แฮนด์ วิสาหกิจเพื่อสังคม ทูลมอโร วายน็อต โอเพ่นดรีม สยามอาสา ฯลฯ เป็นต้น นอกจากนั้น ยังมีภาคีวิชาการและสื่อมวลชน ตลอดจนผู้นำจากภาคส่วนต่างๆ ที่จะช่วยขยายผลในช่องทางโซเชียลมีเดียส่วนบุคคล อีกจำนวนมาก เช่น นางวรวรรณ ธาราภูมิ นายมานะ นิมิตรมงคล เป็นต้น
วิเชียร พงศธร ประธานกรรมการมูลนิธิเพื่อคนไทย