อิศรา'ถาม'-บ.คาร์โก้เคมี 'ตอบ' ว่าด้วยปมผูกขายกุญแจมือ-เท้า กรมราชทัณฑ์ 85ล.
“...ผมท้าเลยว่าถ้าเอาเงินให้ 3 หมื่นบาท หรือให้ถึงแสนนึงเลย เพื่อเอากุญแจเท้ารุ่นนี้ 1 คู่เข้ามาในประเทศไทยแบบถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ต้องแอบด่านตรวจเข้ามา ก็คงจะทำไม่ได้..”
สืบเนื่องจากสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ พบว่า เมื่อวันที่ 10 ก.ค. 2561 กรมราชทัณฑ์ ได้ลงนามในสัญญาว่าจ้าง บริษัท คาร์โก้เคมี แอนด์ ซัพพลาย จำกัด เป็นคู่สัญญาโครงการซื้อเครื่องพันธนาการรูปแบบใหม่ (กุญแจเท้าความมั่นคงสูง) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 โดยวิธีเฉพาะเจาะจง จำนวน 5,000 ชุด วงเงิน 49,750,000 บาท จากราคากลาง 50,000,000 บาท เฉลี่ยชุดละ 9,950 บาท ขณะที่จากการตรวจสอบฐานข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างหน่วยงานภาครัฐ ย้อนหลังพบว่า นับตั้งแต่ปี 2545 จนถึงปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ ได้ทำสัญญาจัดซื้อ เครื่องพันธนาการ ที่ใช้กับนักโทษมาแล้ว จำนวน 8 สัญญา รวมวงเงินทั้งสิ้น 97,754,414 บาท บริษัท คาร์โก้เคมี แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ได้รับไปมากที่สุด จำนวน 4 สัญญา รวมวงเงินกว่า 85 ล้านบาท (อ่านประกอบ :เครื่องละ9.9พัน! กรมราชทัณฑ์ ทุ่ม 49.7 ล้าน ซื้อกุญแจเท้าความมั่นคงสูง 5 พันชุด, เบื้องลึก! กรมราชทัณฑ์จัดซื้อกุญแจเท้านักโทษ 49 ล. เอกชนเจ้าเดียวในไทย-อธิบดียันโปร่งใส, เผยโฉมกุญแจมือ-เท้าความมั่นคงสูง'Peerlesss' บ.เจ้าเดียวในไทยขายกรมราชทัณฑ์ชุดละ9.9พัน)
ล่าสุด นายสันธรัชต์ มนุญากร กรรมการบริษัทคาร์โก้เคมี แอนด์ ซัพพลาย จำกัด ได้เดินทางมาที่สำนักข่าวอิศรา เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงการทำธุรกิจของบริษัท และการเข้าร่วมประกวดราคาขายเครื่องพันธนาการให้กับกรมกรมราชทัณฑ์ดังกล่าว
โดยนายสันธรัชต์ ยืนยันว่า บริษัทได้จำหน่ายเครื่องพันธนาการนักโทษ หรือ กุญแจเท้ารุ่น 703CHS ยี่ห้อ Peerless ให้กับกรมราชทัณฑ์จริง
ส่วนที่สำนักข่าวอิศราได้ลงข้อมูลราคากุญแจเท้ารุ่น 703CHS ว่าอยู่ที่คู่ละ 166.53 ดอลลาร์สหรัฐ (5,492.58 บาท)นั้น นายสันธรัชต์ ระบุว่า "อยากให้ทางสำนักข่าวอิศรา มองดูในปัจจัยอื่นๆด้วยมาประกอบราคาการขายกุญแจเท้า อาทิ ค่าเงินบาทตอนสั่งซื้อที่ตกลงมามากถึง 35 บาทต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ ในเรื่องภาษีอากรขาเข้าที่มีเพดานถึงร้อยละ 20 บวกกับภาษีมูลค่าเพิ่มอีกเจ็ดเปอร์เซ็นต์ ค่า Export License ต่อกุญแจเท้าอีกคู่ละ 900 กว่าบาท ค่าขนส่งสินค้า รวมไปถึงค่าเครื่องบินที่เจ้าหน้าที่บุคลากรของบริษัทต้องบินไปดูสินค้าและกำไรของบริษัทอีก ซึ่งทุกอย่างก็ล้วนเป็นมูลค่าที่ต้องเอามาบวกในการขายผลิตภัณฑ์"
“ผมท้าเลยว่าถ้าเอาเงินให้ 3 หมื่นบาท หรือให้ถึงแสนนึงเลย เพื่อเอากุญแจเท้ารุ่นนี้ 1 คู่เข้ามาในประเทศไทยแบบถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ต้องแอบด่านตรวจเข้ามา ก็คงจะทำไม่ได้” นายสันธรัชต์กล่าว
นายสันธรัชต์ ยังกล่าวต่อไปว่า "การจะนำเข้าสินค้าเหล่านี้มาจำหน่ายได้นั้นจะต้องมีกระบวนการที่เหมาะสม โดยการทำงานของบริษัทคาร์โก้เคมีฯ นั้นได้ติดต่อกับทั้งบริษัท Smith and Wesson ในปี 2551 และบริษัท Peerless ในปี 2552 และในเวลาต่อมาก็ติดต่อไปยังบริษัท BOA ซึ่งเป็นบริษัทที่ผลิตกุญแจมือโดยตรงเลยในปี 2553 และตามเงื่อนตามสัญญาการเป็นผู้แทนการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่ได้ทำไว้กับบริษัท BOA ระบุว่าห้ามบริษัทนำไปขายต่อให้กับตัวแทนจำหน่ายอื่น ดังนั้นจึงหมายความว่า ณ ขณะนี้มีบริษัทเพียงแค่คาร์โก้เคมีแอนด์ซัพพลายเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่สามารถนำเข้ากุญแจที่ผลิตจากบริษัท BOA มาขายได้ในประเทศไทยได้ ซึ่ง ณ เวลานี้ถ้าหากกุญแจไขกุญแจเท้าที่กรมราชภัณฑ์เก็บไว้นั้นหายไป ทางกรมราชภัณฑ์ก็จะต้องมาเอากุญแจสำรองที่ทางบริษัทคาร์โก้เคมีฯ และถ้าทั้งกุญแจที่กรมราชทัณฑ์ กุญแจสำรองของกุญแจเท้าหายไป ก็จะต้องไปเอาโค้ดของกุญแจเท้าเพื่อไปขอตัวกุญแจเท้าจากบริษัท BOA ที่สหรัฐอเมริกา"
เมื่อถามว่าจากกรณีดังกล่าวถ้าหากบริษัทคาร์โก้เคมีฯได้สั่งสินค้าเป็นจำนวนมากๆจะได้ราคาที่ลดลงมาหรือไม่ นายสันธรัชต์กล่าวว่า "นี่เป็นสินค้าที่ผูกขาด ดังนั้นเขาคงจะไม่ลดให้ จะคิดเท่าไรก็คงเป็นเรื่องของทาง BOA บริษัทอีกทีหนึ่ง"
เมื่อถามต่อถึงกรณีที่บริษัทได้จดทะเบียนว่าเป็นบริษัทที่นำเข้าเคมีภัณฑ์แล้วทำไมถึงได้มานำเข้าและจำหน่ายเครื่องพันธนาการ นายสนธรัชต์กล่าวว่า “จริงๆธุรกิจหลักเราขายพวกน้ำยาทำความสะอาดอาวุธทุกสิ่งทุกอย่างของกองทัพ แต่ว่าเรื่องในส่วนอาวุธนั้นผมไม่ได้ทำ บริษัทได้เพิ่มวัตถุประสงค์ว่าจะเป็นบริษัทที่เกี่ยวข้องกับกุญแจมือตั้งแต่ปี คศ. 2008 แล้ว ซึ่งในเวลาช่วงดังกล่าว เรายังขายเครื่องพันธนาการ แบบธรรมดาอยู่ แต่เราได้อานิสงค์จากการได้สั่งเครื่องพันธนาการความมั่นสูง เมื่อตอนที่สถานทูตสหรัฐอเมริกาได้มาสั่งกุญแจเท้าความมั่นคงสูงกับทางบริษัท จากกรณีการจับตัวนายวิกเตอร์ บูธ พ่อค้าอาวุธชาวรัสเซีย เพื่อส่งตัวไปยังสหรัฐอเมริกา”
นายสันธรัชต์ ยังกล่าวถึงโครงสร้างของบริษัทคาร์โก้เคมีเพิ่มเติมว่า "จริงๆแล้วอยากให้แยกเป็น 2 บริษัท แต่เป็นเจ้าของเดียวกันก็คือบริษัทคาร์โก้เคมิคัลท์ ที่ทำธุรกิจน้ำยาต่างๆ ซึ่งน้ำยาที่วางขายอยู่ในโฮมโปรส่วนหนึ่งก็เป็นของบริษัทคาร์โก้เคมิเคิล และบริษัทคาร์โก้เคมีแอนด์ซัพพลาย ซึ่งมีการนำเข้าสินค้าเป็นร้อยๆชนิด ซึ่งลักษณะของบริษัทก็จะคล้ายๆกับบริษัทดูปองค์ของสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตเคมีภัณฑ์เหมือนกัน แต่ก็ไปผลิตเสื้อเกราะกันกระสุนด้วย"
เมื่อถามว่า ในตลาดทั่วโลกนี้มีที่ไหนที่ผลิตกุญแจเท้าความมั่นคงสูงซึ่งมีคุณลักษณะแบบเดียวกับที่บริษัทคาร์โก้เคมีแอนด์ซัพพลายได้นำเข้ามาจากบริษัท BOA อีกหรือไม่ นายสันธรัชต์กล่าวว่า "เท่าที่ทราบข้อมูลมา ณ ตอนนี้ไม่มี บริษัท BOA เป็นบริษัทเพียงแห่งเดียว ณ เวลานี้ที่ผลิตกุญแจเท้าความมั่นคงสูงตรงตามมาตรฐานว่าด้วย National Institute of Justice (NIJ) หรือแปลเป็นไทยว่ามาตรฐานว่าด้วยสถาบันการยุติธรรม แห่งชาติสหรัฐอเมริกา อีกทั้งบริษัท BOA ก็ยังผูกขาดในตลาดดังกล่าวในฐานะที่ตัวเองเป็นเจ้าของสิทธิบัตรด้วย"
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ไส้ใน 8 สัญญา จัดซื้อกุญแจมือ-เท้านักโทษ กรมราชทัณฑ์ 97 ล. 'คาร์โก้' คว้าเจ้าเดียว 86 ล.
เผยโฉมกุญแจมือ-เท้าความมั่นคงสูง'Peerlesss' บ.เจ้าเดียวในไทยขายกรมราชทัณฑ์ชุดละ9.9พัน
เบื้องลึก! กรมราชทัณฑ์จัดซื้อกุญแจเท้านักโทษ 49 ล. เอกชนเจ้าเดียวในไทย-อธิบดียันโปร่งใส
เผยโฉมกุญแจมือ-เท้าความมั่นคงสูง'Peerlesss' บ.เจ้าเดียวในไทยขายกรมราชทัณฑ์ชุดละ9.9พัน
*หมายเหตุรูปภาพบริษัทคาร์โกจากเว็บไซต์ www.workventure.com