กกต.มีมติชัด สหกรณ์ชวดเสนอชื่อ ส.ว.
รองเลขาฯ กกต. ติวเข้มผู้ตรวจการเลือกตั้งทั่วประเทศ จับตาการเลือก ส.ว. ป้องกันฮั๊วและจ้างลงคะแนน
นายณัฎฐ์ เล่าสีห์สวกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวบรรยายในการสัมมนาเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้ง ในหัวข้อเรื่องกฎหมายเกี่ยวกับการได้มาซึ่งส.ว. เพื่อเตรียมความพร้อมในการปฎิบัติหน้าที่ผู้ตรวจการเลือกตั้งทั่วประเทศ โดยมีการซักซ้อมความเข้าใจให้ผู้ตรวจการเลือกตั้งได้รับทราบถึงวิธีการปฎิบัติในการรับสมัครผู้เข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ว่า. ขณะนี้ได้มีการวางระบบตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัคร ที่คาดว่าจะเปิดรับสมัครในช่วงวันที่ 26-30 พ.ย.นี้ โดยระบบดังกล่าวจะเชื่อมต่อกับระบบทะเบียนของกระทรวงมหาดไทยเพื่อสามารถตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครในเบื้องต้นได้ทันที เช่น อายุ การสมัครซ้ำซ้อน การสมัครเกินกว่า 1 กลุ่ม ซึ่งผู้สมัครที่ กกต. พิจารณาว่าขาดคุณสมบัติสามารถร้องต่อศาลฎีกาได้ ซึ่งได้มีการประสานแล้ว ว่าศาลจะเร่งพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 5 วัน
นายณัฎฐ์ กล่าวอีกว่า สำหรับในการลงคะแนน. เมื่อลงคะแนนแล้วผู้สมัครห้ามกลับทันที อย่างน้อยต้องอยู่ครึ่งวัน หากใครกลับถือว่าสละสิทธิ เพราะกฎหมายกำหนดว่า หากผู้สมัครกลุ่มใดไม่ได้คะแนนเลย เกิน 10% อย่างน้อย 3 คนขึ้นไปไม่ได้คะแนนเลย จะถือว่ามีการฮั๊ว ซึ่งกฎหมายให้ผู้สมัครแต่ละคนมี 2 คะแนน สามารถเลือกตัวเองได้ 1 คะแนน แต่ห้ามเลือกตัวเอง 2 คะแนน เพราะถ้าไม่เลือกตัวเองก็อาจถูกมองว่า มีการจ้างให้มาลงคะแนน อาจมีอามิสสินจ้าง เมื่อลงคะแนนแล้วจะมีเจ้าหน้าที่ติดตามพฤติกรรมผู้สมัคร ส.ว.ด้วย
กกต.คืนสิทธิ์ 3 องค์กรให้มีสิทธิเสนอชื่อผู้สมัครส.ว.สหกรณ์ชวด มติกกต.ยันชัดเป็นองค์กรแสวงหาผลกำไร เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ
ที่ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พ.ต.อ. จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต กล่าวว่าในการประชุมกกต. เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา กกต.มีมติให้ประกาศ รายชื่อองค์กรที่มีสิทธิ์แนะนำชื่อบุคคล เพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา(ส.ว.)เพิ่มเติม อีก 3 องค์กร จากที่ยื่นคัดค้านมารวม 10 องค์กร คือสหภาพแรงงานอุตสาหกรรมเคมีแห่งประเทศไทย สหภาพแรงงานสยามยีเอสแบตเตอรี่ จ.สมุทรปราการ และ มหาจุฬามณีเจดีย์ศรีสุวรรณภูมิ จ.ปทุมธานี หลังจากที่พิจารณาคำร้องคัดค้านของทั้ง 3 องค์กรแล้วเห็นว่า ทั้ง 3 องค์กรเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายไทยและยื่นลงทะเบียนในกำหนดเวลา ซึ่งหลังจากนี้ประธานกกต. ก็จะลงนามประกาศรายชื่อเพิ่มเติมให้ทั้ง 3 องค์กรเป็นองค์กรที่มีสิทธิ์แนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ว. และจะแจ้งหนังสือให้สำนักงานกกต.จังหวัดทราบทำให้ในการเลือกส.วครั้งนี้ องค์กรที่มีสิทธิ์เสนอชื่อบุคคลเพื่อ สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ว.รวม 439 องค์กร
พ.ต.อ.จรุงวิทย์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีของสหกรณ์ ที่กกต. ไม่ประกาศรายชื่อให้เป็นผู้มีสิทธิ์เสนอชื่อจำนวน 23 องค์กรนั้น มีการยื่นคัดค้านกลับมาเพียง 3 องค์กรซึ่ง กกต. มีมติไม่คืนสิทธิ์ให้ เนื่องจากเห็นว่า การจะพิจารณาว่าเป็นองค์กรที่แสวงหาผลกำไรหรือไม่จะต้องพิจารณาวัตถุประสงค์และรายงานผลการดำเนินการ ซึ่งพบว่า ทั้ง 3 องค์กรที่ยื่นคัดค้านมา ตามรายงานผลการเนินการมีการแสวงหาผลกำไรนำมาแบ่งปันกัน โดยพฤติการณ์จึงเข้าข่ายเป็นองค์ที่แสวงหาผลกำไรมาแบ่งปันกัน เข้าลักษณะองค์กรที่ขาดคุณสมบัติในการแนะนำชื่อบุคคลเพื่อสมัครเป็นส.ว. หากสหกรณ์จะไปยื่นฟ้องต่อศาลก็เห็นว่า เคยมีคำพิพากษาของศาลฎีกาว่าสหกรณ์มีการแสวงหาผลกำไร