พลิกปูม‘ขุนนิรันดรชัย’คนสนิทจอมพล ป. เจ้าของที่ดินหมื่นล.ก่อนลูกหลานฟ้องแย่งมรดก
“…ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการแบ่งแยกความคิดออกเป็น 2 ลักษณะ กลุ่มหนึ่งคิดว่าควรกักตุนพันธบัตรของจีนไว้ เพราะคาดว่าจีนจะชนะสงคราม เลยขายที่ดินทิ้งแล้วนำเงินมาซื้อพันธบัตรจีน อีกกลุ่มมองว่าควรจะซื้อที่ดินเก็บไว้ บิดาตน (ขุนนิรันดรชัย) เป็นหนึ่งในผู้มีแนวคิดว่าควรซื้อที่ดินสะสมไว้ เพราะที่ดินไม่มีเพิ่ม และอนาคตจะกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล…”
ชื่อของ ‘ขุนนิรันดรชัย’ หนึ่งในกลุ่ม ‘คณะราษฎร’ สายทหารบก กำลังได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก !
หลังจากเกิดกรณีฟ้องร้องแย่งมรดกเป็นที่ดินในย่านธุรกิจกว่า 90 แปลง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท ระหว่าง พล.ต.สรภฎ นิรันดร อดีตรองเจ้ากรมยุทธการทหารบก บุตร ‘ขุนนิรันดรชัย’ ยื่นฟ้องนายธรรมนูญ นิรันดร พี่ชายต่างมารดา นายธรรมรัชต์ นิรันดร บุตรชายนายธรรมนูญ นางเยาวนี นิรันดร บุตรสาวนายธรรมนูญ และบริษัท 31 สาธร จำกัด เป็นจำเลยที่ 1-4 ขอให้เพิกถอนนิติกรรม แบ่งทรัพย์สินมรดก จำนวน 59,927,678 บาท ปัจจุบันคดีอยู่ระหว่างการไต่สวนในชั้นศาลแพ่ง
ไม่ว่าข้อเท็จจริงกรณีดังกล่าวเป็นอย่างไร คงต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐานสู้กันในชั้นศาล
แต่ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจคือ รู้กันหรือไม่ว่า ‘ขุนนิรันดรชัย’ เป็นหนึ่งในคณะราษฎรที่ค่อนข้างมีบทบาทภายหลังการปฏิวัติ 2475 โดยว่ากันว่ารุ่งเรืองถึงขั้นเป็น ‘คนสนิท’ ของ จอมพล ป. พิบูลสงคราม แกนนำคณะราษฎรสายทหาร เลยทีเดียว ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org สรุปข้อเท็จจริงหน้าหนึ่งทางประวัติศาสตร์ให้สาธารณชนรับทราบ ดังนี้
ขุนนิรันดรชัย หรือในชื่อ พ.ต.สเหวก นิรันดร เป็นคณะราษฎรสายทหารบก กลุ่มเด็กรุ่นใหม่ ที่คอยช่วยเหลือสายทหารในการก่อการปฏิวัติ 24 มิ.ย. 2475 จนกระทั่งประสบความสำเร็จ โดยเขาอยู่ทำงานในสายรับใช้ ‘ผู้ใหญ่’ มาโดยตลอด จนจอมพล ป. ไว้ใจเป็นอย่างมาก กระทั่งถูกแต่งตั้งเป็นคนประสานระหว่างรัฐบาล (ช่วงจอมพล ป. เป็นนายกรัฐมนตรี) กับคณะผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน (สมัยรัชกาลที่ 8 ทรงครองราชย์) โดยมีนายปรีดี พนมยงค์ เป็นแกนนำในกลุ่มคณะทำงานชุดนี้ และมีขุนนิรันดรชัยเป็นเลขานุการคณะทำงานผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน
ว่ากันว่าในช่วงนี้ ภายหลังมีการตั้งคณะทำงานผู้สำเร็จราชการแผ่นดินไม่นานนัก คณะราษฎรบางสาย ได้ชวนกันจับจองกว้านซื้อที่ดินใจกลางเมือง ทำเลเลิศหรู ไม่ว่าจะเป็นที่ดินแถวถนนสาทร ถนนวิทยุ เป็นต้น
การกระทำดังกล่าว ส่งผลให้มี ส.ส. ประเภทที่ 1 (ช่วงเวลานั้นมีแต่สภาผู้แทนราษฎรแห่งเดียว แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ ส.ส. ประเภทที่ 1 มาจากการเลือกตั้ง ส่วนประเภทที่ 2 มาจากการแต่งตั้ง) อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล เนื่องจากมี ส.ส. ประเภทที่ 2 บางรายที่มาจากการแต่งตั้งของคณะราษฎรบางสาย ใช้เส้นสายไปซื้อที่ดินดังกล่าวไว้หลายสิบแปลง ส่งผลให้พระยาพหลพลพยุหาเสนาลาออก เปิดทางให้จอมพล ป. พิบูลสงคราม ขึ้นสู่อำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรก
ขุนนิรันดรชัย ฝากตัวรับใช้จอมพล ป. พิบูลสงครามอยู่หลายปี รวมถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กระทั่งสงครามสิ้นสุดลง ฝ่ายจอมพล ป. พิบูลสงคราม ระเห็จระเหินหนีขอลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศ บทบาทของขุนนิรันดรชัยจึงหมดลงไปด้วยเช่นกัน (อ้างอิงข้อมูลบางส่วนจาก เว็บบอร์ดวิชาการเรือนไทย)
ที่ดินหรูหลายสิบแปลงใจกลางเมืองที่กลายเป็นมรดกตกทอดของสกุล ‘นิรันดร’ นั้น เมื่อปี 2551 นายธรรมนูญ นิรันดร ทายาทขุนนิรันดรชัย เคยให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับวันที่ 2 ก.พ. 2551 ว่า ปัจจุบันมีที่ดินใจกลางเมืองประมาณ 90 แปลง ส่วนหนึ่งเป็นมรดกตกทอดจากขุนนิรันดรชัย
ที่ดินแปลงสำคัญอยู่ตรงข้ามด้านหน้าวังสวนจิตรลดา เดิมรัชกาลที่ 8 พระราชทานพื้นที่ให้ประมาณ 1 ไร่ ต่อมามีการซื้อเพิ่มเติมรวม 6-7 แปลง ประมาณ 10 ไร่เศษ โดยซื้อมาตารางวาละ 4 บาท (ขณะนั้น) ส่วนบริเวณหน้าวังซื้อมาในตารางวาละ 250 บาท (ขณะนั้น) อดีตเป็นสวนผัก แต่ปัจจุบันราคาซื้อขายที่ดิน (ช่วงปี 2551) ตกอยู่ที่ 2.5 แสนบาท/ตารางวา เพราะสามารถก่อสร้างตึกสูงได้เพียง 4 ชั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ยังมีที่ดินบนถนนสาทร ติดโรงแรมเอเวอร์กรีน ลอเรล พื้นที่ประมาณ 5-6 ไร่ ซื้อมาในราคา 8 หมื่นบาท ขณะนี้เจ้าของสายการบินอีวาแอร์ และเจ้าของธุรกิจขนส่งสินค้าเอเวอร์กรีน และเจ้าของโรงแรมอีกหลายแห่งทั่วโลก ขอซื้อตารางวาละ 9 แสนบาท พร้อมเป็นผู้ดำเนินการออกค่าโอนและค่าภาษีให้ด้วยเพื่อจะลงทุนทำโรงแรม 7 ดาว มูลค่าโครงการ 5.2 พันล้านบาท แต่ไม่มีนโยบายจะขายที่ดิน แต่ยื่นข้อเสนอในการร่วมลงทุนแทน
ขณะเดียวกันยังมีที่ดินฝั่งตรงข้ามกับสนามบินดอนเมือง พื้นที่ประมาณ 180 ไร่ ซื้อมาเมื่อหลายสิบปีก่อน ราคาตารางวาละ 8 หมื่นบาท ยังมีที่ดินบริเวณเขาใหญ่อีก 400 ไร่ ที่ดินชายหาดหัวหินอีก 3 ไร่ และที่ดินย่านบางลำพู หัวลำโพง มหานาค รวมแล้วประมาณ 90 แปลง มูลค่าหลายหมื่นล้านบาท
เบื้องหลังการสะสมที่ดินดังกล่าว นายธรรมนูญ อธิบายว่า ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 มีการแบ่งแยกความคิดออกเป็น 2 ลักษณะ กลุ่มหนึ่งคิดว่าควรกักตุนพันธบัตรของจีนไว้ เพราะคาดว่าจีนจะชนะสงคราม เลยขายที่ดินทิ้งแล้วนำเงินมาซื้อพันธบัตรจีน อีกกลุ่มมองว่าควรจะซื้อที่ดินเก็บไว้ บิดาตน (ขุนนิรันดรชัย) เป็นหนึ่งในผู้มีแนวคิดว่าควรซื้อที่ดินสะสมไว้ เพราะที่ดินไม่มีเพิ่ม และอนาคตจะกลายเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล
นี่คือที่มาที่ไปบทบาทของ ‘ขุนนิรันดรชัย’ จากคนสนิท ‘จอมพล ป. พิบูลสงคราม’ ก้าวเข้าสู่แวดวงธุรกิจที่ดินกว้านซื้อทำเลหรูหลายแห่ง จนส่งผลงอกเงยกลายเป็นมรดกหมื่นล้านบาท
นำไปสู่เงื่อนปมความขัดแย้งแย่งชิงกันอยู่ตอนนี้
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ : ตั้งปี 60 ทุน 100ล.! เปิดตัว บ.31สาธร คดีลูกชาย ‘คณะราษฎร์’ ฟ้องแบ่งมรดกที่ดิน 4 หมื่นล.
หมายเหตุ : ภาพประกอบถนนสาทรจาก http://www.motorival.com