เปิดโปงตำรวจวิสคอนซินดองชุดพิสูจน์หลักฐานคดีข่มขืน2ปี 6,000 ชุด ไม่ส่งตรวจสอบ
"...ชุดหลักฐานเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวอาชญากรทางเพศหรือทำให้ผู้ถูกกล่าวหาที่บริสุทธิ์รอดพ้นข้อกล่าวหาได้ แต่ชุดหลักฐานสำคัญเหล่านี้กลับไม่เคยถูกส่งไปตรวจยังห้องทดลองนิติวิทยาศาสตร์ของรัฐวิสคอนซินแต่อย่างใด ..."
ปรากฏเป็นข่าวโด่งดังในประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจรัฐวิสคอนซิน ถูกตรวจสอบพบว่า ไม่ได้ส่งชุดพิสูจน์หลักฐานคดีข่มขืน 2 ปี ในโรงพัก-โรงพยาบาลจำนวนกว่า 6,000 ชุด ไปตรวจสอบในห้องแลปทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่งผลทำให้กระบวนการพิจารณาคดีเป็นไปด้วยความล่าช้า
ที่มาของเรื่องราวนี้เกิดขึ้น เมื่อเจ้าหน้าที่กระทรวงยุติธรรมสืบทราบว่า มีชุดหลักฐานการถูกข่มขืนกว่า 6,000 ชุด ตั้งแต่ปี 2559 ถูกเก็บไว้ในห้องเก็บอุปกรณ์ของสถานีตำรวจและโรงพยาบาลวิสคอนซินโดยไม่ถูกส่งตรวจพิสูจน์
ทั้งที่ ชุดหลักฐานเหล่านี้สามารถนำไปใช้เป็นหลักฐานในการจับกุมตัวอาชญากรทางเพศหรือทำให้ผู้ถูกกล่าวหาที่บริสุทธิ์รอดพ้นข้อกล่าวหาได้ แต่ชุดหลักฐานสำคัญเหล่านี้กลับไม่เคยถูกส่งไปตรวจยังห้องทดลองนิติวิทยาศาสตร์ของรัฐวิสคอนซินแต่อย่างใด
ขณะที่รัฐไม่สามารถมอบเงินเพื่อสนับสนุนดำเนินการพิสูจน์หลักฐานจากชุดหลักฐานเหล่านี้ได้จนกว่าสถานีตำรวจและสำนักงานอำเภอในวิสคอนซินจะจัดทำรายการจำนวนของอุปกรณ์เสร็จ โดยเบื้องต้น มีสถานีตำรวจและสำนักงานอำเภอกว่า 300 แห่งที่ไม่สามารถจัดทำรายการปริมาณของอุปกรณ์ได้ทันเวลา ถึงแม้จะมีการขยายกำหนดส่งออกไปแล้วก็ตาม
ทั้งนี้ สำนักงานสืบสวนแห่งรัฐวิสคอนซิน ระบุว่า ความเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการส่งรายการชุดหลักฐานเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทางรัฐส่งชุดหลักฐานไปให้ห้องทดลองทางนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพิสูจน์ เช่น การตรวจชิ้นส่วนผิวหนัง น้ำลาย และหลักฐานอื่น ๆ เพื่อตรวจพิสูจน์หลักฐานดีเอ็นเอซึ่งจะสามารถช่วยเหลือเหยื่อที่ถูกคุกคามทางเพศได้ช้า โดยต้องรอนาน 4 ปี และยังได้เปิดเผยหลักฐานซึ่งชี้ให้เห็นถึงสาเหตุของความล่าช้าและสะเพร่าของกระบวนการยุติธรรมแห่งรัฐวิสคอนซิน ดังนี้
• เจ้าหน้าที่ตำรวจและอัยการบางส่วนคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องส่งชุดหลักฐานดังกล่าวให้แก่ห้องทดลองนิติวิทยาศาสตร์ของรัฐเพื่อทำการตรวจพิสูจน์ดีเอ็นเอ
• ชุดอุปกรณ์ตรวจบางชุดที่ผ่านการตรวจถูกเก็บเข้ากรุเนื่องจากเจ้าหน้าที่รู้ตัวผู้ต้องหาแล้ว ซึ่งเป็นการตัดโอกาสในการตรวจสอบว่าผู้ต้องหาคนดังกล่าวอาจจะเป็นผู้ก่อคดีอื่นซึ่งทางเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาตัวผู้กระทำความผิดได้
• ถึงแม้ทางรัฐจะทราบถึงการที่ชุดอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืนที่ผ่านการใช้งานกว่าพันชิ้นยังไม่ถูกส่งไปให้ห้องทดลองของรัฐตรวจสอบ สถานีตำรวจและสำนักงานอำเภอหลายแห่งก็ยังทำรายการจำนวนชุดหลักฐานอย่างล่าช้า
ขณะที่ แบรด ชิเมล (Brad Schimel) พนักงานอัยการสูงสุดแห่งรัฐผู้มีหน้าที่รับผิดชอบ ให้ชุดอุปกรณ์ถูกนำไปตรวจพิสูจน์ยังห้องทดลองของรัฐ กลับให้ความสำคัญกับเรื่องค่าใช้จ่ายมากกว่า และต้องการให้รอเวลาที่ค่าใช้จ่ายในการตรวจพิสูจน์ถูกลงก่อน แทนที่ชิเมลจะจ้างพนักงานซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับชุดอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืน ชิเมลกลับจำกัดงบประมาณในการดำเนินการเกี่ยวกับชุดอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืน และแทนที่จะใช้ห้องทดลองทางนิติวิทยาศาสตร์ของรัฐวิสคอนซินเพื่อดำเนินการตรวจพิสูจน์แบบรัฐอื่นๆ ชิเมลกลับจ้างบริษัทเอกชนให้เป็นผู้ดำเนินการ ด้วยเหตุนี้รัฐวิสคอนซินจึงเป็นรัฐที่เริ่มโครงการจับอาชญากรทางเพศได้ช้ากว่ารัฐอื่น
ทั้งนี้ มีข้อมูลระบุว่า สถานการณ์ความเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่ตำรวจและนายอำเภอในการส่งชุดอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืนที่ผ่านการใช้งานให้รัฐตรวจพิสูจน์ย่ำแย่ที่สุดในปี 2559 ภายใต้การนำของชิเมล มีปริมาณเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบการตรวจพิสูจน์หลักฐานเพียงน้อยนิด ซึ่งทั้งหมดก็เป็นพนักงานจากบริษัทเอกชนในท้องถิ่น
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของรัฐเพิ่งจะได้รับการอนุมัติจากรัฐบาลกลางให้ดำเนินการนำชุดหลักฐานการถูกข่มขืนที่ผ่านมาตรวจสอบเองในปี 2559 และพบว่าชุดอุปกรณ์ที่ผ่านการใช้งานบางชุดถูกเก็บไว้กว่า 7 ปี โดยไม่ได้รับการตรวจพิสูจน์เพื่อนำไปขยายผลหาตัวผู้กระทำผิด และบางชุดก็มีอายุมากกว่า 7 ปี โดยตรวจพบว่ามีชุดหลักฐานชิ้นหนึ่งถูกเก็บไว้โดยไม่ได้รับการตรวจพิสูจน์ตั้งแต่ช่วงปี 2530
ด้าน นาตาชา อเล็กเซนโก (Natasha Alexenko) หญิงสาวชาวเมืองนิวยอร์ก หนึ่งในผู้ร่วมขบวนการระดับชาติในการรณรงค์ให้มีการเร่งการสอบสวนและการตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ของชุดหลักฐานการถูกข่มขืน และเป็นผู้ได้รับความเสียหายจากการที่ชุดหลักฐานการถูกข่มขืนของเธอถูกเก็บเอาไว้กว่า 14 ปีโดยไม่ถูกส่งไปตรวจพิสูจน์
กล่าวว่า "เธอตกใจมากที่ได้รับรู้ว่าชุดอุปกรณ์ตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืนของเธอไม่ได้ถูกนำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ทันทีตั้งแต่ปี 2536"
โดยหลักฐานซึ่งทางเจ้าหน้าที่ตรวจพบจากการตรวจพิสูจน์ชุดอุปกรณ์ดังกล่าวส่งผลให้เจ้าหน้าที่สามารถจับตัวคนร้ายได้จากการตรวจสอบชิ้นส่วนดีเอ็นเอ และในท้ายที่สุดคนร้ายก็ถูกลงโทษ
อเล็กเซนโก ยังระบุด้วยว่า ระยะเวลาในการส่งชุดหลักฐานการถูกข่มขืนไปตรวจพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ในรัฐวิสคอนซินเป็นไปอย่างเชื่องช้าจนน่าหวั่นวิตก
“มันไม่ได้ถูกเห็นความสำคัญเลยด้วยซ้ำ สิ่งง่ายๆ อย่างการเก็บรวบรวมหลักฐานและนำมันไปตรวจพิสูจน์ กลับกลายเป็นฝันร้าย”
“ดูเหมือนว่าทุกสิ่งอย่างใช้เวลานานจนเกินควร”
นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่จากกระทรวงยุติธรรมตรวจพบว่ามีคดีข่มขืนหลายคดีในวิสคอนซินมากมายซึ่งถูกเก็บค้างเอาไว้โดยไม่ผ่านการสืบสวนและตรวจพิสูจน์หลักฐาน ซึ่งก่อนหน้านี้เคยเกิดกรณีคล้าย ๆ กันมาแล้วในนิวยอร์ก ลอสแอนเจลิส ดีทรอยต์ และเมมฟิส และเมืองอื่น ๆ ส่งผลให้เกิดความโกรธและความไม่พอใจไปทั่วประเทศ รวมถึงเกิดแรงผลักดันให้ออกกฏหมายตรวจพิสูจน์หลักฐานทางดีเอ็นเอต่อคดีข่มขืนซึ่งยังไม่ทราบตัวคนร้ายด้วย
แต่กฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่ครอบคลุมมากพอ มันไม่ได้มีขอบเขตมากถึงขนาดที่จะสามารถบังคับใช้ไปถึงชุดหลักฐานซึ่งถูกเก็บรวบรวมไว้แล้วแต่ยังไม่ได้รับการส่งไปตรวจพิสูจน์ยังห้องทดลองทางนิติวิทยาศาสตร์ ส่งผลให้มันไม่มีอำนาจในการยับยั้งการเพิกเฉยของเจ้าหน้าที่รัฐต่อการส่งชุดหลักฐานการถูกข่มขืนไปตรวจพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์
อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีหน้าที่กำกับดูแลกระบวนการพิสูจน์หลักฐานการข่มขืนในรัฐวิสคอนซินก็ยังมองโลกในแง่ดี ว่า ในเดือนกันยายน ปี 2558 ทางการของรัฐวิสคอนซินได้อนุมัติเงินอีก 4 ล้านดอลลาร์เพื่อให้กระบวนการเร่งการสืบสวนคืบหน้า โดยทางผู้ว่าการรัฐคาดว่ามันจะช่วยให้กระบวนการตรวจพิสูจน์เกิดขึ้นในไม่ช้า
จิล แคโรฟสกี (Jill Karofsky) ผู้พิพากษาแห่งเมืองเดน (Dane) กล่าวว่า ในช่วงที่มีการเริ่มโครงการเพิ่มเงินอัดฉีดเพื่อเร่งกระบวนการตรวจพิสูจน์หลักฐาน
“พวกเราเชื่อว่าจะช่วยเหลือเหยื่อและจับตัวผู้กระทำผิดได้”
“ผมมีความหวังว่ากระบวนการตรวจพิสูจน์จะเกิดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึง”
ทั้งนี้ การตัดสินใจของรัฐวิสคอนซินในการจ้างบริษัทเอกชนให้ดูแลการตรวจพิสูจน์ชุดหลักฐานการถูกข่มขืนประหยัดค่าภาษีของชาววิสคอนซินได้กว่า 4 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากการตรวจชุดหลักฐานการถูกข่มขืนอาจมีค่าใช้จ่ายสูงถึง 1,000 ดอลลาร์ต่อครั้งแต่ผลที่ตามมาก็คือการตรวจพิสูจน์โดยบริษัทเอกชนนั้นเชื่องช้ามาก
เบื้องต้น รัฐวิสคอนซินจ้างให้บริษัทเอกชนซึ่งตั้งอยู่ในเวอร์จิเนียเป็นผู้ดำเนินการตรวจพิสูจน์หลักฐานการข่มขืนให้เป็นที่แรก ซึ่งบริษัทดังกล่าวมีกำลังในการตรวจพิสูจน์อยู่ที่ 200 ชุดต่อเดือน ถึงแม้รัฐวิสคอนซินจะจ้างบริษัทเอกชนมาช่วยตรวจพิสูจน์เพิ่มอีก 2 บริษัท เจ้าหน้าที่ของรัฐก็ยังประมาณการว่าจะมีชุดหลักฐานบางชุดไม่ได้รับการตรวจจนกว่าจะถึงปลายปี
ในขณะที่อัตราการตรวจชุดหลักฐานเสร็จ การจับกุมและฟ้องร้องอาชญากรข่มขืนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในรัฐวิสคอนซินกลับดำเนินการสำเร็จไปเพียง 3 คดี
ทางด้านฝั่งของตำรวจ ร้อยตำรวจโทเจฟ เบรสเตอร์ แห่งเมืองกรีนเบย์ (Green bay LT. Jeff Brester) กล่าวว่า ปัญหาของทางฝั่งตำรวจก็คือรัฐให้เวลานานมากกว่าจะอนุญาตให้พวกเขาส่งชุดหลักฐานไปตรวจพิสูจน์ได้
เบรสเตอร์ ระบุว่า หน่วยงานของเขาส่งรายการจำนวนชุดหลักฐานไปยังกระทรวงยุติธรรมตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนวันกำหนดส่ง อย่างไรก็ดี เขากลับต้องใช้เวลากว่า 6 เดือนในการดำเนินการด้านเอกสารกับทางกระทรวง และต้องรออีกกว่า 8 เดือนถึงจะส่งชุดหลักฐานไปได้
เบรสเตอร์ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “มันไม่ใช่ความผิดของพวกเราทั้งหมด” รวมถึง “ผมไม่รู้จักเจ้าหน้าที่คนไหนที่ไม่อยากแก้ปัญหาอาชญากรรมทางเพศเลย”
ท้ายที่สุดแล้ว ไม่ว่าปัญหาความล่าช้าจะเกิดจากหน่วยงานใหนก็ตาม สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ก็คือเกิดความล่าช้าในกระบวนการส่งชุดหลักฐานการถูกข่มขืนไปตรวจพิสูจน์เพื่อหาตัวคนร้ายและสร้างความเป็นธรรมให้กับเหยื่อ ซึ่งเป็นปัญหาที่ทุกฝ่ายต้องเร่งหาทางแก้ปัญหาต่อไป
ส่วนประเทศไทย ยังไม่ไม่เคยปรากฎข้อมูลเป็นทางการ ว่า มีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้นด้วยหรือไม่
ที่มา: https://www.postcrescent.com/story/news/investigations/2018/06/13/wisconsin-rape-kit-backlog-idled-police-neglect-schimel-decisions/900849001/?fbclid=IwAR1NNcgzvkA_Z28GiC5-El7MM683EZC20x7NrnmG9i5nxrbQVM25yVF6XvQ