ก่อน สตง.เจอค้างชำระ 1.3 พันล.! ยุค‘ชวน-ทักษิณ’ขายข้าวเกาหลีเหนือ 74.1 ล.เหรียญฯ
ขุดมติ ครม.ยุค ‘ชวน 1-2-ทักษิณ 1’ อนุมัติขายข้าวให้ รบ.เกาหลีเหนือ เจอเบื้องต้น 74.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สั่งเข้มทวงคืนเงินค้างชำระทุกเม็ดแต่เหลว ก่อน สตง. เจอยังเหลือค้างชำระ 3 โครงการ 1.3 พันล้าน ชง คชก.-กรมการค้าภายในแก้ปัญหาด่วน
สาธารณชนอาจทราบปัญหาของกองทุนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานแล้วว่า สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบพบว่ามีอย่างน้อย 101 โครงการ ที่เบิกจ่ายเงินจากองทุนฯดังกล่าว แต่สิ้นสุดโครงการแล้ว ยังไม่ได้ปิดบัญชี หรือคืนเงินเข้ากองทุนฯ รวมเป็นเงินกว่า 1.74 หมื่นล้านบาท
เบื้องต้น สตง. ทำหนังสือแจ้งปัญหาถึงประธานกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก. มีนายกรัฐมนตรี หรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน) พร้อมกับสั่งการให้กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลให้ดำเนินการแก้ไขโดยด่วนแล้ว
ข้อมูลสำคัญที่เพิ่งถูกเฉลยออกมาจากเงื่อนปมปัญหานี้คือ มีอย่างน้อย 39 โครงการที่อยู่ระหว่างฟ้องร้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหาย รวมเป็นเงินกว่า 1.2 หมื่นล้านบาท ส่งผลให้โครงการเหล่านี้ยังไม่สามารถปิดบัญชี-คืนเงินเข้ากองทุนฯได้
และมีประเด็นน่าสนใจอีกอย่าง ได้แก่ การซื้อขายข้าวของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาธิปไตยเกาหลี หรือรู้จักกันในชื่อ ‘เกาหลีเหนือ’ ที่ยังค้างชำระค่าข้าวกับไทยอยู่อย่างน้อย 3 โครงการ ยอดเงินคงค้าง 1,384,805,081 บาท หรือราว 1.3 พันล้านบาท (อ่านประกอบ : เกาหลีเหนือค้างค่าข้าว! ยอดพุ่ง 1.7 หมื่นล.ยังไม่คืนเงินกองทุนช่วยเกษตร-ฟ้อง 39 คดี)
คำถามคือ รัฐบาลไทยไปซื้อข้าวกับเกาหลีเหนือตอนไหน และรายละเอียดเป็นอย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีมานำเสนอ ดังนี้
จากการย้อนตรวจสอบมติคณะรัฐมนตรีพบว่า มีการรายงานการซื้อขายข้าวระหว่างประเทศไทยและเกาหลีเหนือ เมื่อวันที่ 5 เม.ย. 2537 (สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1) ระบุข้อมูลว่า คณะรัฐมนตรีมีมติรับทราบมติคณะกรรมการนโยบายข้าว (กบข.) ในเรื่องการทำสัญญาขายข้าวให้เกาหลีเหนือขององค์การตลาดเพื่อการเกษตร (อ.ต.ก.) ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ อย่างไรก็ดีไม่มีการระบุข้อมูลว่า ขายไปกี่ตัน และวงเงินเท่าไหร่
ต่อมา เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 2538 (สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการให้กระทรวงพาณิชย์ขายข้าวขาว 35% โดยให้สินเชื่อ 1-2 ปี ให้รัฐบาลเกาหลีเหนือ จำนวน 3 แสนตัน (บวก/ลบ 5%) ตามที่ประธานคณะกรรมการนโยบายข้าว (กบข.) เสนอ
โดยมีเงื่อนไขให้เกาหลีเหนือชำระหนี้ค่าข้าวที่ซื้อไปในปี 2536 (สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 1) จำนวน 23.2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามเวลาหรือก่อนเวลาที่จะครบกำหนดในเดือน เม.ย.-ส.ค. 2538 และให้เจรจาขายโดยการหักบัญชีจากสินค้าที่เอกชนไทยนำเข้าให้แล้วเสร็จโดยเร็ว สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับการเงินให้กระทรวงการคลังรับไปพิจารณาให้ดำเนินการในลักษณะเดียวกันกับโครงการขายข้าวให้รัฐบาลสาธารณรัฐรัสเซีย
นั่นหมายความว่า รัฐบาลไทยมีการขายข้าวให้เกาหลีเหนือตั้งแต่ปี 2536 แล้ว เป็นเงิน 23.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ แต่ในปี 2538 ที่ขายข้าวเพิ่มอีก 3 แสนตัน ไม่มีการระบุมูลค่า หรือวงเงินการซื้อขายแต่อย่างใด
หลังจากนั้น เมื่อวันที่ 9 ก.พ. 2542 (สมัยรัฐบาลนายชวน หลีกภัย 2) คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติผลการประชุมร่วมกันระหว่างกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาภาระหนี้สินตามโครงการขายข้าวเงินเชื่อให้แก่รัฐบาลเกาหลีเหนือตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ และให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดและติดตามให้รัฐบาลเกาหลีเหนือชำระหนี้ค่าข้าวที่ค้างชำระทุกวิถีทางด้วย
ต่อมา เมื่อวันที่ 29 ม.ค. 2545 (สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร 1) คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบบันทึกการประชุมเกี่ยวกับความร่วมมือทางการค้า (Agreed Minute of the Meeting on Bilateral Trade Cooperation) โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับกับการขยายปริมาณสินค้า โดยวิธีการแลกเปลี่ยนเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งภาครัฐและภาคเอกชนระหว่างรัฐบาลเกาหลีเหนือและรัฐบาลไทย เพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างกัน
และการดำเนินการค้าขายแบบหักบัญชี (Account Trade) เพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศทั้งสอง การชำระหนี้ค่าข้าวค้างชำระของรัฐบาลเกาหลีเหนือ พร้อมทั้งการทำสัญญาขายข้าวฉบับใหม่ และบันทึกการประชุมเกี่ยวกับการค้าขายแบบหักบัญชี โดยมีสาระสำคัญเกี่ยวกับการแต่งตั้งธนาคารเพื่อดำเนินการทำการค้าขายแบบหักบัญชี และสนับสนุนให้ภาครัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการทำการค้าขายแบบหักบัญชี
รวมทั้งการทำสัญญาซื้อขายข้าว ซึ่งรัฐบาลไทยตกลงขายข้าวให้กับรัฐบาลเกาหลีเหนือปริมาณ 3 แสนตัน ประกอบด้วย ข้าวขาว 5% จำนวน 1 แสนตัน (ราคา 185 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) เป็นเงิน 18.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และข้าวขาว 25% จำนวน 2 แสนตัน (ราคา 162 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน) เป็นเงิน 32.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยการชำระเงินชำระเป็นเงินเชื่อ ระยะเวลา 2 ปี ภายหลังการส่งมอบแต่ละงวด อัตราเบี้ยปรับสำหรับการชำระเงินล่าช้าคิดอัตรา 2.5% ต่อปี ส่งมอบเดือน ม.ค.-มิ.ย. 2545 ประมาณ 5 หมื่นตัน/เดือน โดยเห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์ ดำเนินการส่งมอบข้าวให้รัฐบาลเกาหลีเหนือตามสัญญาซื้อขายดังกล่าว ตลอดจนการขายข้าวเงินเชื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ และให้กระทรวงการคลังค้ำประกันการขายข้าวดังกล่าว และให้ดำเนินการต่อไปได้ตามที่กระทรวงพาณิชย์เสนอ
หากนับรวมการซื้อขายข้าวระหว่างรัฐบาลไทยและเกาหลีเหนือตามมติคณะรัฐมนตรีข้างต้น สรุปได้ว่า รัฐบาลไทยมีการขายข้าวให้เกาหลีเหนือเป็นเงินประมาณ 74.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หากคิดอัตราแลกเปลี่ยนมูลค่าเงินในปัจจุบัน เท่ากับ 2,443,299,300 บาท หรือราว 2.4 พันล้านบาท
อย่างไรก็ดีไม่มีข้อมูลว่า รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ชำระค่าข้าวที่ค้างให้กับไทยไปบางส่วนแล้วหรือไม่ เพราะหลังจากนั้นคณะรัฐมนตรีก็ไม่มีมติเกี่ยวกับการซื้อขายข้าวกับรัฐบาลเกาหลีเหนืออีกจนถึงปัจจุบัน ?
สำหรับประเด็นการค้างชำระค่าข้าวของรัฐบาลเกาหลีเหนือ เมื่อปี 2559 น.ส.จริยา สุทธิไชยา รองเลขาธิการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) เคยเปิดเผยผ่านสื่อหลายสำนักว่า ประเทศไทยเคยมีการนำเข้าปุ๋ยและสารเคมีจากหลายประเทศ เช่น รัสเซีย และเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นวิธีการที่เกษตรฯเคยดำเนินการและไม่ประสบความสำเร็จ เนื่องจากไม่มีความถนัด ในเรื่องของการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าในเชิงธุรกิจ ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมาประสบความล้มเหลว เช่น การแลกข้าวกับปุ๋ยของเกาหลีเหนือ ไทยส่งข้าวให้เกาหลีเหนือนานหลายปีแล้ว แต่ทุกวันนี้เกาหลีเหนือยังไม่ส่งปุ๋ยมาให้ไทย ไม่สามารถทำอะไรได้ บัญชีซื้อขายปิดไม่ลง (อ้างอิงจาก ผู้จัดการออนไลน์)
ส่วนการค้างชำระค่าข้าวของรัฐบาลเกาหลีเหนือ 3 โครงการดังกล่าว วงเงินกว่า 1.3 พันล้านบาทเศษ รัฐบาลไทยจะตามทวงคืนได้หรือไม่ คงต้องรอติดตามผลกันต่อไป
# กดคลิก ติดตาม ส่งแชร์ข่าวอิศรา ได้ที่นี่ https://www.facebook.com/isranewsfanpage/
อ่านประกอบ :
ชัด ๆ 31 โครงการ 1.7 พันล.กองทุนช่วยเกษตรกรที่ยังไม่ปิดบัญชี-คืนเงิน?
รวม 31 โครงการ 1.7 พันล.! สตง.พบยังไม่คืนเงินกองทุนช่วยเกษตร-ยุค‘ชวน-สมัคร’ด้วย
บางโครงการฟ้องคดีอยู่! กรมการค้าภายในแจงปมยังไม่คืนเงินกองทุนช่วยเกษตรฯ 1.7 พันล.
สตง.พบ 10 โครงการช่วยเกษตรกรยังไม่ปิดบัญชี-คืนเงิน 1.1 พันล.-รบ.บิ๊กตู่ติดโผด้วย