ตลาดกัญชาโลก มหาศาล 1.9 ล้านล้านบาท หนุนไทยออก ก.ม.ใช้ทางการแพทย์
นักเศรษฐศาสตร์ หนุนเร่งออกกฎหมาย นำกัญชาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ คาดตลาดทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึง 1.9 ล้านล้านบาท ยกหลายชาติทำเป็นอุตสาหกรรม รายได้มหาศาล ย้ำต้องกำกับควบคุมให้ดี หวั่นเกิดผลเสียทางเศรษฐกิจ มากกว่าผลดี
เมื่อวันที่ 4 พ.ย. ผศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้กล่าวถึงการนำกัญชามาวิจัยเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ ว่า เป็นเรื่องที่ภาครัฐควรให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ เนื่องจากมีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็นยารักษาโรค มีงานวิจัยทางการแพทย์ยืนยันถึงประโยชน์ของกัญชา แต่ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมเพื่อยืนยันให้หนักแน่นมากยิ่งขึ้น เพราะกัญชามีสารที่มีผลต่อจิตประสาท อันเป็นคุณสมบัติของสารเสพติดที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพได้ หากบริโภคหรือเสพเกินขนาด หลายประเทศทั่วโลกผ่อนปรนกฎหมายอนุญาตให้ประชาชนใช้กัญชาทางการแพทย์หรือเพื่อสันทนาการได้อย่างถูกต้อง แต่กัญชายังถือเป็นสิ่งเสพติดให้โทษประเภท 5 ในไทย ซึ่งผู้เสพต้องระวางโทษปรับ และ/หรือ จำคุก ส่วนรัฐบาลเพิ่งเริ่มหาทางแก้กฎหมายเปิดช่องให้ศึกษาวิจัยพืชเสพติดได้อย่างถูกต้อง แม้ผู้ป่วยไทยบางส่วนลักลอบใช้กัญชาเพื่อรักษาโรคมะเร็ง โดยไม่ต้องพึ่งพาเคมีบำบัดหรือฉายแสงเท่านั้น ซึ่งมีผลกระทบข้างเคียงต่อร่างกายมาก
เบื้องต้น จึงควรมีการแก้ไขกฎหมายให้สามารถนำสารสกัดจากกัญชามาใช้เป็นยารักษาโรคได้อย่างเต็มที่ สามารถครอบครองกัญชาเพื่อใช้ประโยชน์ในการวิจัยทางการแพทย์ รัฐบาลสามารถออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขให้สารสกัดจากกัญชาไม่ถือเป็นยาเสพติด และควบคุมให้มีการใช้เฉพาะทางการแพทย์ และพิจารณาแก้ไขพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษเพื่อปลดล็อกให้มีการใช้สารสกัดจากกัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และสุขภาพได้ ส่วนในระยะยาวควรออกกฎหมายเฉพาะเกี่ยวกับกัญชาโดยระบุให้เป็นพืชที่ใช้ทำเป็นยาและสามารถเป็นพืชเศรษฐกิจ รวมทั้งสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ตลาดกัญชาเพื่อการแพทย์ทั่วโลก อาจมีมูลค่าสูงถึง 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.9 ล้านล้านบาท) ภายในปี ค.ศ. 2025 ขณะนี้ มูลค่าผลิตภัณฑ์กัญชาทั่วโลกอยู่ที่ 4.6 ล้านล้านบาท กระแสการเคลื่อนไหวให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายว่า เป็นสิ่งที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องควรช่วยกำหนดแนวทางที่เหมาะสมว่า อะไรคือประโยชน์สูงสุดต่อสังคม คุณภาพชีวิตของผู้คน และเศรษฐกิจ
ส่วนกรณีรัฐแคลิฟอร์เนียอนุญาตเสพกัญชาเพื่อความบันเทิงหรือสันทนาการ มีการคาดการณ์ว่าจะมีเงินสะพัดในอุตสาหกรรมกัญชาในสหรัฐฯ มากถึง 5,100 ล้านดอลลาร์ ในปี ค.ศ. 2018 และจะให้ให้อุตสาหกรรมนี้เติบโตถึง 3 เท่าในช่วง 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมกัญชาถูกกฎหมายจะสร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ และสร้างงานกว่า 400,000 ตำแหน่งในสหรัฐฯ ภายในปี ค.ศ. 2021 อีกทั้งรัฐบาลจะเก็บภาษีได้ 4,000 ล้านดอลลาร์ ภายใน 3 ปี รวมถึงอุตสาหกรรมกัญชาเป็นธุรกิจใหญ่ที่นำรายได้มหาศาลเข้าสู่แคนาดามานับทศวรรษ หลังมีการอนุญาตให้นำกัญชามาใช้รักษาโรคได้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา โดยมีบริษัทผลิตและจำหน่ายกัญชารายใหญ่ 2 บริษัท ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกกัญชาเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก รองรับการเปิดกว้างมากขึ้นในการใช้กัญชา
ส่วนประเทศสเปนอนุญาตให้ประชาชนสามารถใช้และปลูกเองภายในบ้านได้ตามจำนวนที่กำหนด แต่ห้ามนำออกมาขายและซื้อ พร้อมสามารถพกติดตัวได้สูงสุด 40 กรัม ขณะที่กรุงปรากของสาธารณรัฐเช็ค เป็นอีกเมืองที่สามารถปลูกกัญชาในครอบครองได้ 5 ต้น ซึ่งการเสพกัญชาอย่างถูกกฎหมายอาจช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ อย่างเช่น ในประเทศเนเธอร์แลนด์ ที่มีชื่อเสียงด้านการเสพกัญชาถูกกฎหมาย นำมาสู่การดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ต้องการเสพกัญชา ช่วยผลักดันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในประเทศให้เติบโต ขณะที่ประชาชนมีความคิดเห็นที่ดีต่อกัญชา โดยมองว่ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่และสุรา นักท่องเที่ยวที่มาเยือนกรุงอัมสเตอร์ดัมส์ ต้องการใช้บริการร้านกาแฟที่อนุญาตให้บุคคลที่อายุมากกว่า 18 ปี สูบกัญชาได้อย่างถูกกฎหมาย อีกทั้งยังสามารถซื้อกัญชาได้สูงสุด 5 กรัม โดยร้านกาแฟประเภทนี้ มี 200 กว่าร้านในกรุงอัมสเตอร์ดัมส์
อย่างไรก็ตาม หากมีการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการได้อย่างถูกกฎหมาย และไม่สามารถกำกับให้ดีพอ มีการแพร่ระบาดจนไม่สามารถควบคุมได้ มีการเสพเกินขนาดแล้วเกิดปัญหาทางด้านสุขภาพ ย่อมมีผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตและครอบครัวของผู้เสพ และแน่นอนย่อมส่งผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยให้รอบคอบก่อนจะเปิดให้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมายโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดให้มีการเสพกัญชาเพื่อสันทนาการ
สำหรับกรณีของประเทศไทยหากจะมีการเปิดเสรีเรื่องกัญชา เช่น ในบางประเทศต้องคิดให้รอบคอบ เนื่องจากประเทศเรามีปัญหาในการบังคับใช้กฎหมาย หากการบังคับใช้กฎหมายไม่ดี การกำกับควบคุมไม่ดี อาจนำมาสู่ผลเสียหายทางเศรษฐกิจมากกว่าผลดี ขณะเดียวกัน การไม่เปิดเสรีแต่มีความต้องการในการใช้กัญชาไม่ว่าด้วยวัตถุประสงค์ใดๆ ที่ไม่เป็นอันตราย ย่อมทำให้เกิดการลับลอบใช้ และช่องทางทุจริตคอร์รัปชันของเจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมายได้.