มูลนิธิเอสซีจี ชวนสัมผัสพลังมหัศจรรย์“นำหนังสือดีสู่เด็กไทย ปีที่ 11”
มูลนิธิเอสซีจี ชวนสัมผัสพลังมหัศจรรย์หนังสือภาพ เสริมสร้างพัฒนาการ กระตุ้นการเรียนรู้เด็กปฐมวัย ในโครงการ “นำหนังสือดีสู่เด็กไทย ปีที่ 11”
การพัฒนาเด็ก คือ การลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศ มูลนิธิเอสซีจี จึงได้รณรงค์ส่งเสริมให้คุณพ่อคุณแม่ หันมาใช้หนังสือเป็นเครื่องมือในการเลี้ยงลูก ด้วยเชื่อว่า หนังสือ โดยเฉพาะหนังสือภาพเหมาะกับการเสริมสร้างพัฒนาการการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัยทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สติปัญญา และการเข้าสังคม ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างความพร้อม และการเติบโตให้เป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในอนาคต
มูลนิธิฯ ร่วมกับกองบรรณาธิการผู้ทรงคุณวุฒิและนักประพันธ์หนังสือภาพชื่อดังระดับประเทศซึ่งมีความเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในการใช้หนังสือภาพ เช่น ครูชีวัน วิสาสะ นักประพันธ์และบรรณาธิการหนังสือภาพสำหรับเด็ก คุณพรอนงค์ นิยมค้า เลขาธิการมูลนิธิหนังสือเพื่อเด็ก นักเขียน และนักแปล คุณอัจฉรา ประดิษฐ์ ประธานหลักสูตรศิลปบัณฑิต สาขาวิชาวรรณกรรมสำหรับเด็ก ศูนย์การศึกษาระดับปริญญาตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และ คุณวิภาวี ฉกาจทรงศักดิ์ นักประพันธ์และบรรณาธิการหนังสือภาพสำหรับเด็ก มาร่วมคัดสรรหนังสือภาพชั้นนำระดับโลก (World Class Picture Books) สำหรับนำมาแปล และจัดจำหน่ายในราคาย่อมเยา เพื่อให้ทุกครอบครัวสามารถเข้าถึง และใช้หนังสือภาพพัฒนาศักยภาพของลูก
คุณสุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี เล่าถึงที่มาของโครงการว่า “เพราะต้นทางความรู้ที่ดีที่สุดคือการอ่าน มูลนิธิเอสซีจีจึงได้เริ่มจัดทำหนังสือภาพสำหรับเด็กผ่าน โครงการนำหนังสือดีสู่เด็กไทย มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 โดยมุ่งหวังให้พ่อแม่ ผู้ปกครอง และผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัยซึ่งหมายถึงเด็กที่มีอายุแรกเกิด – 6 ขวบ ได้นำหนังสือภาพไปใช้พัฒนาเด็กอย่างเป็นประจำและต่อเนื่อง การเล่านิทาน อ่านหนังสือ โดยใช้หนังสือภาพนี้ นอกจากจะเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีรอบด้านแล้ว ยังเป็นการเชื่อมสายใยรัก และสร้างความอบอุ่นของครอบครัวให้แนบแน่นอีกด้วย แม้ทุกวันนี้โลกกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลรวมทั้งสถานการณ์สื่อสิ่งพิมพ์กำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลง แต่มูลนิธิฯ ยังคงเชื่อมั่นในพลังมหัศจรรย์ ของหนังสือภาพ จึงยังคงดำเนินโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 11 โดยในปีนี้ได้คัดเลือกหนังสือภาพชั้นดีจากต่างประเทศมาแปลเป็นภาษาไทย 3 เรื่อง ประกอบด้วยเรื่อง ‘บ้านบนต้นไม้’ ‘พระจันทร์ฝันดี’ ‘วันนี้วันดี’ และหนังสือภาพฝีมือคนไทย เรื่อง ‘บา บา’ พร้อมทั้งแปลหนังสือภาพคุณภาพระดับโลกเรื่อง ‘กอด’ และจัดทำเป็นพิเศษสำหรับเด็ก ๆ ผู้บกพร่องทางการมองเห็น เพื่อให้คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองใช้เป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการพัฒนาลูก”
กระบวนการเล่านิทาน และการอ่านหนังสือให้ลูกฟังได้รับการยอมรับและยืนยันจากนายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ คอลัมนิสต์และจิตแพทย์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้ากลุ่มงานจิตเวช โรงพยาบาลเชียงรายประชานุเคราะห์ ว่าสามารถช่วยกระตุ้นและพัฒนาสมองของเด็กได้จริง โดยได้เคยให้สัมภาษณ์ และกล่าวถึงพลังของการใช้หนังสือภาพเพื่อช่วยในการเรียนรู้ของเด็กวัย 0-3 ขวบไว้ว่า “เด็กทารกเกิดมาพร้อมกับเซลล์สมองเป็นแสนล้านเซลล์ ซึ่งแต่ละเซลล์มีแขนงมากมายเพื่อติดต่อกับเซลล์สมองอื่น ๆ เรียกว่า ซินแนปส์ (Synaps) โดยจะขยายตัวไปเรื่อย ๆ เมื่อเกิดการเรียนรู้ ในทางกลับกัน เซลล์ที่ไม่ได้ถูกกระตุ้นจะค่อย ๆ หดหายไป เรียกว่า เซลล์สมองฝ่อ (Neuron Pruning) จากข้อมูลเกี่ยวกับการทำงานของซินแนปส์นั้น แสดงได้ว่าหากเด็กวัยทารกจนถึงก่อนเข้าเรียนได้รับการกระตุ้นผ่านการดู ‘หนังสือภาพ’ ที่เหมาะสมอยู่บ่อย ๆ ย่อมจะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ทั้งด้านภาษา อารมณ์ และสังคมให้เติบโตเป็นคนที่มีคุณภาพต่อไป”
ด้านคุณโย สุทินันท์ ปูคะภาค คุณพ่อรุ่นใหม่ที่ได้สัมผัสพลังจากหนังสือภาพ เล่าถึงประสบการณ์และพัฒนาการที่ดีของลูกว่า “ผมและภรรยามีลูกชื่อน้องวายุ วัย 3 ขวบ 7 เดือน เริ่มสนใจกระบวนการเล่านิทาน และอ่านหนังสือหลังจากได้อ่านบทสัมภาษณ์ของคุณหมอประเสริฐที่พูดถึงการใช้หนังสือภาพเพื่อเสริมสร้างพัฒนาการที่ดีของลูก จึงลองหาซื้อหนังสือภาพมาเล่าให้น้องวายุฟังก่อนนอนทุกคืน วันละ 2-3 เรื่อง ทำเป็นกิจวัตรต่อเนื่องเป็นเวลา 1 ปี ผมสามารถพูดได้เต็มปากว่า แต่เดิมน้องวายุเป็นคนนอนยาก แต่หลังจากลองเปลี่ยนมาใช้วิธีการเล่านิทานและอ่านหนังสือแล้ว น้องนอนได้ง่ายขึ้น เนื่องจากระหว่างการฟังนิทานจะมีการสร้างคลื่นสมองช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้น้องมีความจำดีขึ้น และที่สำคัญยังช่วยให้น้องเป็นเด็กร่าเริง เข้าสังคมได้ดี ทุกวันนี้เมื่อไปร้านหนังสือ น้องสามารถเลือกหนังสือที่ตัวเองชอบได้ ผมเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดผลลัพธ์ที่มหัศจรรย์ จึงอยากเชิญชวนคุณพ่อคุณแม่ที่มีลูกให้ลองหันมาใช้กระบวนการเล่านิทาน อ่านหนังสือกับลูกอย่างน้อยวันละ 10-15 นาที ก็จะสามารถช่วยเปิดโลกการเรียนรู้ เสริมสร้างสติปัญญาที่ดีให้ลูก และสร้างช่วงเวลาที่มีคุณภาพของครอบครัวได้อย่างน่าอัศจรรย์”
ผู้ที่สนใจสามารถหาซื้อหนังสือภาพได้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วไป ซึ่งรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่ายจะนำเข้า ‘กองทุนนำหนังสือดีสู่เด็กไทย’ เพื่อจัดพิมพ์หนังสือภาพ และมอบให้ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กและโรงเรียนอนุบาลในชนบทที่ขาดแคลนต่อไป เช่น โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนทั่วประเทศ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในจังหวัดต่าง ๆ โรงพยาบาลภูมิพล โรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา โรงพยาบาลศรีนครินทร์ขอนแก่น และโรงพยาบาลบางไผ่ กรุงเทพฯ เป็นต้น สำหรับหนังสือภาพเรื่อง “กอด” มูลนิธิฯ ได้จัดพิมพ์ทั้งหมดจำนวน 500 เล่ม เพื่อมอบให้โรงเรียนสอนคนตาบอดทั่วประเทศ และไม่มีวางจำหน่าย
นอกจากมูลนิธิฯ จะมุ่งมั่นสร้างสรรค์หนังสือภาพให้ครอบครัวไทยได้นำไปใช้เพื่อสร้างพัฒนาการของลูกแล้ว มูลนิธิฯ ยังจัดงาน “เทศกาลนิทานในสวน” กิจกรรมสุดหรรษาสำหรับครอบครัว งานนี้พ่อแม่ไม่ควรพลาดที่จะพาลูกหลานมาอ่านหนังสือใต้ต้นไม้ใหญ่ยามเย็น และเพลิดเพลินกับการชมตัวละครในโลกนิทานที่ออกมาโลดแล่นแต่งแต้มความคิดสร้างสรรค์ กระตุ้นจินตนาการของน้อง ๆ หนู ๆ พร้อมฟังคำแนะนำ เทคนิคการเล่านิทานจากผู้เชี่ยวชาญ และพูดคุยไขข้อข้องใจเรื่องการเลี้ยงลูกกับนักจิตวิทยาเด็ก ตลอดจนร่วมกิจกรรมแสนสนุกมากมายในบรรยากาศยามเย็น โดยเริ่มวันเสาร์ที่ 15 และ 22 ธ.ค. 2561 ณ สวนลุมพินี และวันเสาร์ที่ 5 และ 12 ม.ค 2562 ณ สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.scgfoundation.org หรือ Facebook มหัศจรรย์หนังสือภาพ