ศาลอุทธรณ์นัดพิพากษา2ต.ค.นี้ คดี ลูกชายสุเทพ รุกที่เขาแพง
ศาลนัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์ อัยการ ฟ้อง "แทน เทือกสุบรรณ" - นายหน้ากับพวกอีก 2 คน ทำผิด พ.ร.บ.ป่าไม้ 2 ต.ค.นี้ หลังศาลชั้นต้นสั่งจำคุก 3-5 ปีโดยไม่รอลงอาญา
หลังจากศาลอาญา มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 ก.ย.59 ให้จำคุก 3 ปีโดยไม่รอลงอาญา นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 37 ปี (บุตรชายของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตส.ส.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์) กับจำเลยอื่นซึ่งเป็นนายหน้าขายที่ดินและผู้จัดการหุ้นส่วนนิติบุคคลอีก 3 คนๆ ละ 3-5 ปีโดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน กรณีปี 2543-2544 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครองป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยนายแทน ได้รับการประกันตัว 500,000 บาทระหว่างการอุทธรณ์ต่อสู้คดี ซึ่งศาลกำหนดเงื่อนไขห้ามเดินทางออกนอกปนะเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากศาลด้วย ส่วนจำเลยอีก 3 คนก็ำด้ประกันตัว 500,000 - 800,000 บาทและกำหนดเงื่อนไขเช่นกันนั้น
ล่าสุดวันนี้ (30 ก.ย.61) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันอังคารที่ 2 ต.ค.นี้ เวลา 09.00 น.ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก กำหนดนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คดีดังกล่าว โดยฝ่ายทนายความจำเลย ระบุว่า ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาอุทธรณ์คดีช่วงเช้าวันที่ 2 ต.ค.นี้ หลังจากกที่จำเลยได้ยื่นอุทธรณ์คดีไป โดยที่อัยการโจทก์ไม่ได้ยื่นอุทธรณ์ ซึ่งจำเลยก็จะต้องเดินทางฟังคำพิพากษาในวันดังกล่าว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพรชัย ฟ้าทวีพร อายุ 53 ปี ผจก.ห้างหุ้นส่วนเรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น , นายสามารถ หรือ โกเข็ก เรืองศรี อายุ 61 ปี หุ้นส่วน หจก.เรืองปัญญาคอนสตรัคชั่น และนายหน้าขายที่ดิน , นายแทน เทือกสุบรรณ อายุ 37 ปี บุตรชายของนายสุเทพ และนายบรรเจิด เหล่าปิยะสกุล อายุ 63 ปี อดีตเลขานุการส่วนตัวของนายสุเทพ เป็นจำเลยที่ 1- 4 ต่อศาลอาญา ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 23 ก.ย.56 ในความผิดฐานร่วมกันก่อสร้าง แผ้วถางป่า หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใดๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือครอบครองป่าเพื่อตนเองและผู้อื่นโดยไม่ได้รับอนุญาต และฐานเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง หรือเผาป่าในที่ดินของรัฐโดยมิได้มีสิทธิครอบครองหรือไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ (ฉบับที่ 5) พ.ศ.2518 อัยการ บรรยายพฤติการณ์สรุปว่า ระหว่างวันที่ 27 ก.ย.43 – 5 ต.ค.44 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1-2 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 31 ไร่ 2 งาน 97 ตารางวาโดยจำเลยที่ 3-4 ร่วมกันบุกรุกเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ทำลาย แผ่วถางป่าเขาแพง อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เนื้อที่ 14 ไร่ ด้วยการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่ อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ชั้นพิจารณาจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ ขณะที่ศาลอาญา พิพากษาว่า นายพงษ์ชัยและนายสามารถ หรือโกเข็ก จำเลยที่ 1-2 มีความผิดฐานห้ามมิให้ผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ ฯ ซึ่งกระทำนั้นได้ทำเกินเนื้อที่ 25 ไร่ อันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป่าไม้ ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง ,72 ตรีวรรคสอง ให้จำคุกคนละ 5 ปี
ส่วนนายแทน และนายบรรเจิด จำเลยที่ 3-4 มีความผิดเข้าไปยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้าง และผู้ใด ก่อสร้าง แผ้วถาง หรือเผาป่า หรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการทำลายป่า หรือเข้ายึดถือหรือครอบครองป่าเพื่อตนเองหรือผู้อื่น เว้นแต่จะกระทำภายในเขตที่ได้จำแนกไว้ฯ อันเป็นความผิด ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9 (1) , 108 ทวิ และ พ.ร.บ.ป่าไม้ฯ มาตรา 54 วรรคหนึ่ง , 72 ตรี วรรคหนึ่ง ให้ลงโทษความผิดตาม พ.ร.บ. ป่าไม้ฯ ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักสุด ให้จำคุกคนละ 3 ปี ขณะที่ศาลตัดสินจำคุกโดยไม่รอการลงโทษจำเลยทั้ง 4 คน เพราะเห็นว่า ป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ และเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของชาติ ควรที่ประชาชนจะต้องร่วมกันหวงแหน บำรุงรักษาให้อุดมสมบูรณ์เพื่อประโยชน์ร่วมกัน ไม่ให้เป็นของส่วนตัวแก่ผู้ใด ซึ่งการกระทำของจำเลยทั้งสี่ มีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาวะแวดล้อมของดิน น้ำ อากาศ และป่าไม้ทั้งโดยตรงและทางอ้อม อันเป็นต้นเหตุของความแห้งแล้ง และภัยพิบัติจากน้ำป่าไหลหลาก สภาพความผิดจึงเป็นเรื่องร้ายแรง นอกจากนี้ศาลยังสั่งให้ จำเลยทั้งสี่ , คนงาน , ผู้รับจ้าง , ผู้แทน และบริวารของจำเลย ออกจากที่ดินและป่าไม้บริเวณที่เกิดเหตุ ส่วนข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก