สนช.ลั่นไม่ใช่สภาตรายาง! ชี้4ปีตรวจสอบรัฐบาลตลอด
ประธานสนช.ยัน 4 ปีที่ผ่านมาไม่ใช่ "สภาตรายาง" แจงทำงานตรวจสอบรัฐบาลตลอด เผยออกกฎหมาย315ฉบับ เดินสายทำความเข้าใจกับต่างประเทศ
นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พร้อมด้วยนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสนช.คนที่ และประธานคณะกรรมาธิการสามัญทุกคณะร่วมกัน ให้สัมภาษณ์ภายหลังแถลงผลงานสนช.ครบ 4 ปี
นายพรเพชร ได้ตอบคำถามสื่อมวลชนี่ถามว่าในช่วงเวลาที่เหลือจะแก้ไขภาพลักษณ์สภาตรายางอย่างไรว่า ยืนยันว่า สนช.ไม่ใช่สภาตรายาง จึงไม่จำเป็นต้องกู้ภาพลักษณ์ การปฏิบัติหน้าที่ของสนช.ที่ผ่านมา วิปรัฐบาลซึ่งมีตัวแทนจากทุกฝ่ายได้กลั่นกรองกฎหมายก่อนเข้าสภาทุกครั้ง และในการพิจารณาหลายฉบับก็ไม่ผ่านวิปรัฐบาล ระยะเวลาที่เหลืออยู่จะเร่งดำเนินการกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น และกฎหมายเกี่ยวกับการปฏิรูปให้เป็นไปตามกรอบยุทธศาสตร์ชาติต่อไป
เมื่อถามว่า มีการวิจารณ์ว่าสนช.พิจารณากฎหมายไม่รอบคอบหลายฉบับ รวมถึงประเด็นการทำไพรมารีโหวตก็ถูกมาตรา 44 ยกเลิก นายพรเพชร กล่าวว่า "คำถามนี้จี้ใจผมมาก บอกว่า ผมไม่รอบครอบ จากการวิจารณ์ของสื่อ และหลายพรรคการเมือง แต่ปรากฏว่า การไม่รอบครอบของผมได้ผ่านการพิสูจน์จากศาลรัฐธรรมนูญแล้วว่า สนช.ทำถูกทุกอย่าง"
เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาสภาฯมีหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลแต่ปรากฏว่า สนช.ก็ไม่ได้ตรวจสอบ ขณะที่ไม่สามารถตรวจสอบการลงมติของสมาชิกได้ เพราะไม่มีเผยแพร่สถิติการลงมติเหมือนสภาฯปกติ นายสุรชัย กล่าวว่า ต้องชี้แจง 2 ประเด็น ที่บอกว่า ไม่มีการตรวจสอบรัฐบาล ยืนยันว่า ตลอด 4 ปี สนช.ได้ตรวจสอบรัฐบาล โดยตั้งกระทู้ถามถึง 87 กระทู้ ส่วนการลงคะแนนของสมาชิก ถ้าไม่ใช่กรณีที่กฎหมายกำหนดว่า เป็นการลงคะแนนโดยลับ เราลงคะแนนเปิดเผยตลอด เป็นระเบียบวิธีปฏิบัติทุกยุคสมัย ในสภาปกติก็เช่นเดียวกัน ส่วนที่บอกว่า ไม่ลงคะแนนในเว็บไซค์ ตนเพิ่งทราบ และรับจะไปตรวจสอบให้ เพราะ สนช.ไม่เคยมีคำสั่งให้ยกเลิกเรื่องพวกนี้เลย
เมื่อถามถึงประสิทธิภาพในการออกกฎหมายของสนช. เพราะกฎหมายหลายฉบับมีการขยายเวลาการพิจารณาหลายครั้ง นายสุรชัย กล่าวว่า เรื่องการกฎหมายจำนวนมาก เพราะการทำงานของสนช.ไม่มีการปิดสมัยประชุม อีกทั้งรูปแบบก็แตกต่าง เพราะสภาที่ทำหน้าที่ทั้ง ส.ส. และส.ว. จึงทำให้กรอบรวดเร็ว สนช.เป็นสภาเฉพาะกิจในการวางพื้นฐานให้กับประเทศใหม่เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงในการปฏิรูปประเทศ ส่วนข้อวิจารณ์ว่า กฎหมายบางฉบับพิจารณานานแล้ว แต่ยังไม่ออกเป็นกฎหมายแสดงว่า กฎหมายเหล่านั้น เมื่อสภารับมาและได้ศึกษารายละเอียดแล้ว มีบางประเด็นที่ยังสงสัยว่า เป็นประโยชน์ต่อประเทศมากน้อยแค่ไหน จึงต้องพิจารณารายละเอียดอย่างรอบครอบเพื่อไม่ให้กฎหมายมีก่อให้เกิดผลกระทบด้านลบ อย่างไรก็ตาม จะพยายามเร่งรัดกฎหมายให้ได้มากที่สุด
เมื่อถามว่า จากนี้จะมีสนช.ไปเป็นส.ว.เพื่อช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ สานต่อการปฏิรูปประเทศต่อไปหลังการเลือกตั้งหรือไม่ นายสุรชัย กล่าวปฏิเสธที่จะตอบคำถาม โดยระบุเพียงสั้นๆว่า ไม่เกี่ยวกับแถลงผลงานขอไม่ตอบ ถ้าอยากรู้ให้เป็นถามสนช.เป็นรายคนเอาเอง
ทั้งนี้ นายพรเพชร และ นายสุรชัย ได้ร่วมกันแถลงผลงาน 4 ของสนช.ที่ห้องประชุมรัฐสภา ว่า นับตั้งแต่มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 เมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 สนช.มีภาระหน้าที่ในการพิจารณากฎหมายที่ต้องตราขึ้นตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเพื่อเดินหน้าตามโรดแมปของรัฐบาล และมุ่งสู่การเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขต่อไป นอกจากนี้ สนช.ต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทยในการลงพื้่นที่รับฟังปัญหาของประชาชนทั่วประเทศผ่านโครงการสำคัญต่างๆของสนช.อีกด้วย
ด้าน นายสุรชัย กล่าวว่า สำหรับผลงานของสนช.ตลอพด4 ปี สามารถแบ่งออกเป็นได้ 4 ด้าน ดังนี้ 1.ด้านนิติบัญญัติ มีกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของสนช.จำนวน 347 ฉบับ ประกอบด้วย ร่างกฎหมายที่ให้ความเห็นชอบสมควรประกาศใช้เป็นกฎหมายแล้วจำนวน 315 ฉบับ โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 306 ฉบับ รอการประกาศในราชกิจจานุเบกษา 9 ฉบับ ร่างกฎหมายที่บรรจุอยู่ในระเบียบวาระที่หนึ่ง 6 ฉบับ และร่างกฎหมายที่บรรจุในระเบียบวาระที่สอง 26 ฉบับ 2.ด้านการต่างประเทศ ได้ทำการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศและการนำเสนอข้อมูลข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความเข้าใจอันดีเกี่ยวกับสถานการณ์ของประเทศ และเผยแพร่ความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองของไทยในเวทีระหว่างประเทศ
รองประธานสนช.คนที่ 1 กล่าวอีกว่า 3.ด้านการดูแลและแก้ไขปัญหาของประชาชน มีเรื่องร้องเรียนผานโครงการสนช.พบประชาชน จำนวน 10,523 เรื่องและสามารถประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขปัญหาจนเป็นที่น่าพอใจ และ 4 ด้านการเผยแพร่ประชาธิปไตย สนช.มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการเมืองการปกครองอย่างถูกต้อง อันจะนำไปสู่การเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงได้ดำเนินโครงการ 2 โครงการที่้สำคัญ ได้แก่ โครงการพัฒนาผู้นำนักประชาธิปไตยสำหรับเยาวชน และ โครงการเสริมสร้างความพร้อมแก่ท้องถิ่น
"ขอขอบคุณสมาชิกสนช.ทุกท่านที่ได้ช่วยกันปฏิบัติหน้าที่ด้วยความวิริยะอุตสาหะ จนเกิดผลงานเป็นที่ประจักษ์และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ขอยืนยันว่าสนช.จะทำงานด้วยความมุ่งมั่น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการทำหน้าที่ของสมาชิกสนช.ตลอด 4 ปีที่ผ่านมาโดยไม่มีการปิดสมัยประชุม จะสะท้อนให้เห็นถึงความทุ่มเทในการปฏิบัติหน้าที่ของสนช.ที่พร้อมขับเคลื่อนนำพาประเทศให้เดินหน้าไปตามแนวทางการปฏิรูป เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประขาชนต่อไป" นายสุรชัย กล่าว